16 พฤษภาคม 2567 จากกรณี "ทนายกระดูกเหล็ก" นายอนันต์ชัย ไชยเดช หรือ ทนายอนันต์ชัย ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม พร้อมกลุ่มพุทธศาสนิกชน ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง คำกล่าวโทษ ขบวนการ "ลัทธิเชื่อมจิต 10 Avengers" อย่างน้อย 10 คน รวมถึงทนายความของ "น้องไนซ์ เชื่อมจิต"
ทั้งนี้การเข้าแจ้งความดำเนินคดีเมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา แจ้งเอาผิดกับ "น้องไนซ์ เชื่อมจิต" และพวกรวม 9 คน ทั้งสำนักเชื่อมจิตและแอดมินที่ดูแลเพจเฟซบุ๊ก "นิรมิตเทวาจุติ" ในข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ พร้อมทั้งให้ตำรวจสอบสวนพฤติกรรมเข้าข่ายหลอกลงประชาชนหรือไม่
ขณะที่ เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และหลายหน่วยงานในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ไปตรวจเยี่ยมที่บ้านของเด็กชายคนดังกล่าวแล้ว โดยจะประเมินทั้งสภาพครอบครัว ประเมินสุขภาพจิต แต่ยังไม่สามารถที่จะเข้าไปพูดคุยกับเด็กชายคนดังกล่าวโดยตรงแบบเป็นส่วนตัวได้
เจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้อง จึงได้ทำเรื่องไปยังศาลฯ หากยังไม่รับความร่วมมือ ก็ต้องขออนุญาตผ่านอำนาจศาล ที่จะเข้าไปพิจารณาถึงสภาพจิตใจของเด็กชายดังกล่าวเองและผู้ปกครอง ตามข่าวที่เสนอไปก่อนหน้านี้
แม่นก แจ้งเอาผิด ม.157 เจ้าหน้าที่ พม.
ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี กลุ่มนิรมิตเทวาจุติ นำโดย แม่นก มารดาของน้องไนซ์ อายุ 8 ขวบ พร้อม นายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความ เดินทางเข้าร้องทุกข์กับ พ.ต.ต.พิชิต ขาวสุวรรณ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เพื่อแจ้งดำเนินคดีมาตรา 157 ต่อ นายอภิเชษฐ์ ปานจรัตน์ ผู้อำนวยการสถานพัฒนาและฟื้นฟูเด็กจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมพวก หลังจากเจ้าหน้าที่ พม. ได้เข้าไปที่บ้านของน้องไนซ์ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา
แม่นก เปิดเผยว่า ได้แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีมาตรา 157 กับเจ้าหน้าที่ โดยอ้างหนังสือคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นไปตามมาตรา 30 (3) คือมีหนังสือเรียกผู้ปกครองหรือบุคคลอื่นมาให้ถ้อยคำ หรือข้อเท็จจริง เกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ ความประพฤติสุขภาพ และความสัมพันธ์ในครอบครัวของเด็ก แต่คณะที่เข้าไปทำผิดวัตถุประสงค์ของมาตราดังกล่าว รวมถึงพบว่ามีการข่มขู่น้องไนซ์ด้วย
ก่อนหน้านี้ตนและทนายได้เข้าชี้แจงต่อพนักงานอัยการภาค8ว่าทางเราไม่ได้ขัดขวางหรือไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐตามที่เป็นข่าว พร้อมนำหลักฐานคลิปต่างๆเสนอข้อเท็จจริงต่อพนักงานอัยการ พร้อมเตรียมยื่นศาลขอไต่สวนฉุกเฉินต่อศาล เพื่อคุ้มครองน้องไนซ์ ไม่ให้สื่อนำข้อมูลอันเป็นเท็จเสนอต่อสาธารณะชน ด้วยเหตุคดีต่างๆที่ครอบครัวได้ยื่นฟ้องต่อศาลและอยู่ในระหว่างการไต่สวนมูลฟ้องแต่ละคดี ที่ครอบครัวเป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาล
ในส่วนของคำว่า "ซูม" ที่ทางน้องไนซ์พูด และกลายเป็นคลิปไวรัลอยู่ในขณะนี้นั้น จริงๆ คำว่า "ซูม" ของน้องไนซ์ หมายถึง การน้อมจิตเข้าไปพิจารณาในสิ่งต่างๆ คนที่วิปัสสนากรรมฐานระดับหนึ่งจะเข้าใจในคำพูดของน้อง เช่น การพิจารณากายสังขาร ในคำว่าซูมของน้องก็คือการดูให้กระจ่างแจ้ง ดูทุกอย่างที่อยู่รอบตัว คลิปที่ตัดไปเผยแพร่นั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ทำให้เกิดความสับสนได้
ส่วนที่มีข่าวว่า ทางตนเองจะดำเนินคดีกับกลุ่มตลกกลุ่มหนึ่ง ที่เลียนแบบพฤติกรรมของน้องนั้น ตนไม่ทราบเรื่อง ไม่ได้ติดตาม และไม่เคยให้ค่า มันเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ขณะนี้ กำลังดูบุคคลหลักๆ ที่ทำให้น้องได้รับผลกระทบ ก็จะดำเนินการตามกฎหมายกับทุกๆ คน
พม. เดินหน้าขออำนาจศาล
ด้าน น.ส.ชลลดา ชนะศรีรัตนกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พม.) สุราษฎร์ธานี กล่าวว่ากรณีน้องไนซ์ เนื่องจากที่ผ่านมา พม. ไม่ได้รับความร่วมมือจากครอบครัวในการเข้าไปพูดคุย และประเมินดูแลสภาพจิตใจเด็กและครอบครัว จึงจำเป็นต้องใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ เข้าไปดำเนินการตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ในการใช้อำนาจศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้าคุ้มครองเด็กตามกฎหมาย
ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำร่างคำร้องเสนอต่อศาล โดยร้องให้ศาลคุ้มครองไม่ให้มีการนำเด็กออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนผ่านสื่อต่างๆ ในทุกช่องทาง และร้องขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสภาพร่างกายและจิตใจทั้งตัวเด็กและพ่อแม่เด็ก โดยได้จัดทำคำร้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างให้อัยการตรวจความเรียบร้อยก่อนนำเสนอต่อศาล คาดว่าน่าจะเสนอศาลได้ภายในวันศุกร์ที่ 17 พ.ค. หรืออย่างช้าวันจันทร์ที่ 20 พ.ค.นี้.