จับครั้งแรก! ค้นโกดังยึด "กางเกงช้าง" หนีภาษี มูลค่า 6 ล้านบ. ขายผ่านออนไลน์

17 มีนาคม 2567 ตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) นำกำลังพร้อมหมายค้นเข้าตรวจสอบโกดังเก็บสินค้าแห่งหนึ่ง ริมถนนเลียบด่วนกาญจนาภิเษกฝั่งใต้ แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ หลังได้เบาะแสว่าเป็นสถานที่ซุกซ่อนกางเกงลายช้างลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ ไม่ผ่านขั้นตอนการเสียภาษี หรือพิธีการศุลกากรตามขั้นตอนกฎหมาย

จากการตรวจสอบ พบกางเกงลายช้างลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศรอกระจายจำหน่ายให้กับประชาชนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ กว่า 3 หมื่นตัว มูลค่ารวมกว่า 6 ล้านบาท จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน

เบื้องต้น เตรียมประสานนายทุน และผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ หากยังไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการเสียภาษีอากรอย่างถูกต้องมาแสดงได้ ก็จะแจ้งข้อหาในตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

ปมร้อน "กางเกงช้าง" อนุกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แฟชั่น ลาออกยกทีม
ก่อนหน้านี้ กางเกงช้าง กลายเป็นข่าวใหญ่ เมื่อถูกเชื่อมโยงว่าน่าเป็นชนวนเหตุให้ "อนุกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แฟชั่น" ลาออกยกทีม โดยแม้ว่า น.ส.กมลนาถ องค์วรรณดี ประธานคณะอนุกรรมการฯ ในฐานะตัวแทนคณะอนุกรรมการอีก 24 คน ได้ทำหนังสือขอยุติการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2567 จะไม่ระบุถึงสาเหตุที่ชัดเจน 

แต่มีความพยายามของผู้อยู่ในคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ หยิบฉวยผลงานของ น.ส.กมลนาถ ไปทำผลงานทางการตลาด  สร้างความไม่พอใจให้กับเจ้าของไอเดียตัวจริง โดยครั้งหนึ่ง น.ส.กมลนาถ ได้โพสต์ข้อความถึงผู้ที่หยิบฉวยงานของทีมงานไปหาประโยชน์ทางธุรกิจด้วย ดังนี้ (ตามภาพประกอบ)

  ปมร้อน "กางเกงช้าง" จีนผลิต ส่งขายโกยเงินในไทย  
ขณะที่ "กางเกงช้าง" กลายเป็นประเด็นร้อนอีกเรื่องในกรณีผลิตจากจีน ส่งมาโกงเงินในประเทศไทย โดยไม่ต้องเสียภาษี กลายเป็นเรื่องช้างให้กับรัฐบาล จนถูกตั้งคำถามอย่างหนักหน่วงโดยเฉพาะ "ซอฟต์พาวเวอร์" เพราะคือนโยบายจุดขายรัฐบาลที่พยายามชูและผลักดัน พร้อมการันตีว่าจะสามารถสร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศ รวมถึงเติมเม็ดเงินในกระเป๋าให้กับประชาชน 

กระทั่ง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งการไปยังกรมทรัพย์สินทางปัญญาให้ออกไปตรวจสอบว่ามีมากน้อยแค่ไหน และได้ประสานงานไปยังกรมศุลกากร ที่มีอำนาจในการที่จะยับยั้งสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ดำเนินการอย่างเต็มที่ 

ซึ่งในเวลาต่อมา นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ออกมาระบุว่า กางเกงลายช้าง มีการจดลิขสิทธิ์เป็นทรัพย์สินทางปัญญาอยู่แล้ว แต่ว่ารูปแบบลักษณะที่มีการผลิตจากจีน อาจจะมีการผิดเพี้ยนและรูปแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งต้องไปดูก่อนว่ากฎหมายนั้นจะครอบคลุมได้แค่ไหน 

โดยเฉพาะ กรมศุลกากร มีอำนาจในการที่จะยับยั้งสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้ได้สั่งให้ทุกด่านตรวจศุลกากรให้ควบคุมสินค้าตัวนี้ ส่วนทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้ประสานงานเรื่องของการควบคุมคุณภาพสินค้า ซึ่งอาจจะให้มีการออกสัญลักษณ์ หรือโลโก้ประทับ เพื่อให้บ่งบอกว่าสินค้าตัวนี้เป็นสินค้าของประเทศไทย เพื่อจะได้ช่วยเหลือสินค้าของคนไทย