21 กุมภาพันธ์ 2567 เมื่อเวลา 10.00 น. ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด คุมตัวนายศิริชัย หรือทอย อายุ 33 ปี สามีโหดทำร้ายและเผาอำพราง น.ส.ชลลดา หรือ นุ่น อายุ 27 ปี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ทั้งหมด 4 จุด ได้แก่ 1.ริมถนนเเจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 36 ที่วงจรปิดสามารถบันทึกภาพนายทอย ขณะลงมือทำร้ายภรรยาอย่างโหดเหี้ยม 2.บ้านพัก พื้นที่ ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด ซึ่งเป็นจุดฆาตกรรม 2. ปั๊มนำมันแห่งหนึ่ง ถ.แจ้งวัฒนะ 3. จุดเผาอำพรางศพใน จ.ปราจีนบุรี
นายทอย บอกว่า ได้เตะไปที่บริเวณชายโครง กระทืบที่ใบหน้า ใช้ก่อนหินทุ่มใส่ศีรษะภรรยา เพราะขณะลากขึ้นรถ ภรรยาใช้ก้อนอิฐปาใส่ตนเองก่อน จึงโมโห และที่ทำร้ายน้องนุ่นแบบขาดสติ ขว้างอิญใส่หัว เพราะต่างคนต่างเมา เเละอ้างว่าน้องนุ่น พูดย้ำๆ ซ้ำๆ เกี่ยวกับภรรยาคนเก่า สิ่งที่ผมจะชดใช้ให้นุ่นได้ คือ ผลกรรมที่จะตามมา
ช่วงที่ทำเเผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านพัก จำลองเหตุการณ์ห่อศพภรรยาของตัวเอง ไปเผาที่ปราจีนบุรี นายทอย บอกว่า ไม่มีใครไม่เสียใจ ขอโทษครอบครัว และน้องนุ่น ผมผิดไปแล้ว สาเหตุที่ทำไปเพราะขาดสติ และ ความเครียดสะสม ความน้อยใจสะสมไม่ว่าตัวเองจะทำดีแค่ไหน นุ่นก็ไม่เคยเห็น ตามแชทที่เคยส่งให้กับนักข่าว พร้อมยอมรับว่าเป็นห่วงลูกมาก สำนึกผิดทุกอย่าง หลังจากนี้จะชดใช้ให้ตามคำสัญญา ที่เคยบอกไว้กับนุ่น เเละเป็นไปได้ก็จะขอบวชให้
ต่อมาเวลา 15.09 น. ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด ควบคุมตัวนายศิริชัย กลับมาที่โรงพัก หลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพครบทุกจุด ระหว่างที่คุมตัวลงจากรถตู้ นักข่าวพยายามจะสอบถามประเด็นที่นายทอย บอกว่าจะชดใช้ให้กับผู้เสียชีวิตตามที่สัญญากันไว้ ว่าจะชดใช้อย่างไร
นายทอย ตอบว่า ได้บอกกับแม่ของผู้ตายไว้แล้วว่า จะรับกรรมและผลที่ตามมาทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะ 10 ปี หรือ 20 ปี ก็จะชดใช้ให้
ด้าน ตำรวจชุดสืบสวนที่คุมตัวนายทอย เปิดเผยว่าในช่วงระยะเวลาที่ตำรวจควบคุมตัว นายทอย ร้องไห้อยู่เป็นระยะ สำนึกในสิ่งที่ทำ ซึ่งตั้งแต่จับกุมจนถึงช่วงเย็นวันนี้ ยังไม่พบว่ามีญาติของ นายทอยมาแสดงตัว หรือมาพบตำรวจ
จากนั้น 15.40 น. ตำรวจคุมตัวนายทอย ออกมาพิมพ์ลายนิ้วมือ เพื่อก่อนนำตัวขึ้นรถไปฝากขังต่อศาลจังหวัดนนทบุรี ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวน ได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง เบื้องต้นตำรวจได้แจ้ง 3 ข้อกล่าวหา คือ ฆ่าคนตายโดยเจตนา, ซ่อนเร้นทำลายศพ, และแจ้งความเท็จ
ระหว่างที่คุมตัวนายทอยขึ้นรถควบคุมตัวผู้ต้องหา ผู้สื่อข่าวสอบถามต่อว่า หากไม่พบศพของนุ่น ทอยจะรับสารภาพหรือไม่ นายทอย เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบว่าที่ตนเองปักหมุด GPS ไว้ เพราะต้องการให้เขามาเจอ เนื่องจากรู้อยู่แล้วว่ายังไงก็ต้องโดน
ส่วนที่ทำไมต้องเอาศพไปเผาอำพรางจุดนั้น นายทอย บอกว่า เพราะไม่รู้จะนำไปทิ้งจุดไหน อีกทั้งเส้นทางนั้น ตนเองเคยไปส่งแฟนสาวไปทำงานที่ปอยเปต หลังจากนำร่างไปเผาอำพรางตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ได้ย้อนกลับมาดูอีกครั้งในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ก่อนที่จะมีคนมาพบศพภายหลัง