svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

8 กุมภาพันธ์ 2563 โศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญ กราดยิงโคราช

ถือเป็นอีกหนึ่งโศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญคนทั้งประเทศ เหตุกาณ์กราดยิงโคราช เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 มีผู้เสียชีวิต 31 ราย บาดเจ็บ 58 ราย

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 8 ก.พ. 2563 ได้เกิดเหตุ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ทหารสังกัดกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ใช้อาวุธปืนยิง พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ กระแส อายุ 48 ปี ผู้บังคับบัญชา และนางอนงค์ มิตรจันทร์ อายุ 65 ปี แม่ยายของ พ.อ.อนันต์ฐดรจน์ เสียชีวิตภายในบ้านพัก สาเหตุมาจากปมปัญหาการซื้อบ้าน ในโครงการสวัสดิการทหาร   
ช่อดอกไม้ที่มีผู้วางไว้บริเวณหน้าวัดป่าศรัทธารวม เพื่อแสดงความอาลัยต่อผู้สูญเสีย
จากนั้น จ.ส.อ.จักรพันธ์ บุกไปที่คลังอาวุธกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 เพื่อชิงอาวุธสงครามออกมา โดยยิงทหารเวร และทหารดูแลคลังอาวุธ แล้วขับรถฮัมวี่ มุ่งหน้ามาที่ "วัดป่าศรัทธารวม" เพื่อตามหาภรรยาของผู้บังคับบัญชาที่ถูกยิงเสียชีวิต ระหว่างทางยังได้กราดยิงชาวบ้านเสียชีวิตอีกหลายราย ก่อนมุ่งหน้าไปยังห้างในตัวเมืองโคราช หลังทราบว่าภรรยาของผู้บังคับบัญชาไปที่ห้างดังกล่าว

8 กุมภาพันธ์ 2563 โศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญ กราดยิงโคราช
พอมาถึง จ.ส.อ.จักรพันธ์ ซึ่งมีอาการเหมือนคนไม่มีสติ ได้ใช้อาวุธปืนกราดยิงประชาชน ที่อยู่ภายในห้าง ทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก ระหว่างที่ก่อเหตุมีการโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวไปด้วย 
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในขณะนั้น
หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุ ได้มีการระดมกำลังทั้งหน่วยจู่โจม ชุดอรินทราช 26 ,ทีมหนุมาน กองปราบปราม และเจ้าหน้าที่ทหาร คอยช่วยในการลำเลียงประชาชน ที่ติดค้างในห้างหนีออกมา ท่ามกลางเสียงปืนที่ดังอยู่เป็นระยะ ต่อมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในขณะนั้น ได้ลงพื้นที่กำกับการปฏิบัติการปิดล้อมด้วยตัวเอง 

การปิดล้อมผ่านไป กระทั่งถึงช่วงเช้า เวลาประมาณ 09.00 น.ของวันที่ 9 ก.พ. 2563 จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญ บริเวณชั้นล่างของห้างฯ ก่อนเจ้าหน้าที่เร่งเข้าเคลียร์พื้นที่ พร้อมช่วยเหลือประชาชน ที่ยังติดค้างอยู่ออกมาได้อย่างปลอดภัย

เหตุการณ์นี้ มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 31 ราย (รวมผู้ก่อเหตุ) บาดเจ็บอีก 58 ราย
ชาวนครราชสีมา และพื้นที่ใกล้เคียง ร่วมจุดเทียนไว้อาลัยต่อผู้เสียชีวิต จากเหตุกราดยิงโคราช

เปิดหลัก "หนี ซ่อน สู้" วิธีเอาชีวิตรอด เหตุกราดยิง

เหตุ "กราดยิง" ในพื้นที่สาธารณะด้วยอาวุธปืน นับเป็นการก่อเหตุอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญ หลายครั้งส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก อีกทั้ง ยังสร้างความรู้สึกสะเทือนใจให้กับผู้รับรู้ 

"Nation STORY" ขอพาย้อนไปรู้จักกับหลักการ "หนี ซ่อน สู้" ซึ่งเป็นวิธีการเอาชีวิตรอดในเหตุกราดยิง (Active Shooter) ถอดตำราจาก FBI และหน่วยงานกฎหมายทั่วโลก ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เคยเผยหลักการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดดังนี้

"หนี – Run" เมื่อสามารถหาเส้นทางหลบหนีที่พาไปยังพื้นที่ปลอดภัยได้

- เวลาไปสถานที่ต่างๆ ให้จดจำทาง เข้า-ออก และทางออกฉุกเฉินให้เป็นนิสัย

- เมื่อเกิดเหตุต้องตั้งสติให้ดี และมองหาเส้นทางในการหลบหนี

- ทิ้งของทุกอย่างที่ไม่จำเป็น

- ช่วยเหลือคนอื่นเท่าที่สามารถช่วยได้

"ซ่อน – Hide" เมื่อไม่สามารถหลบหนีออกจากพื้นที่ได้ ให้หาสถานที่ปลอดภัยเพื่อซ่อนตัว

- ล็อคประตูและหาสิ่งของมาใช้กีดขวางคนร้ายเพื่อไม่ให้มาถึงตัว

- ซ่อนให้พ้นสายตาโดยหลบหลังสิ่งของขนาดใหญ่และแข็งแรง เช่น โต๊ะ กำแพง เป็นต้น

- ปิดไฟในห้อง และปิดเสียงโทรศัพท์มือถือ

- อยู่ให้เงียบที่สุด ไม่พูดคุยหรือใช้เสียง

"สู้ – Fight" เป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อไม่สามารถหนีหรือซ่อนตัวจากคนร้ายได้ และคนร้ายกำลังจะเข้ามาถึงตัวหรือโจมตีมาที่ตน

- ร่วมกันสู้สุดกำลัง เพื่อให้มีโอกาสรอด

- ใช้การซุ่มโจมตีโดยไม่ให้คนร้ายรู้ตัว เพื่อหยุดยั้งคนร้าย

- ใช้สิ่งของทุกอย่างที่หาได้มาเป็นอาวุธ

- ใช้ทุกวิธีการที่นึกได้ ในการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด

8 กุมภาพันธ์ 2563 โศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญ กราดยิงโคราช
ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นหรืออยู่ในเหตุการณ์กราดยิง หรือเหตุการณ์ที่มีการใช้อาวุธปืนต่างๆ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางเข้าไประงับเหตุได้ อย่างไรก็ดี การโทร.แจ้งเหตุที่หมายเลข 191 ท่านจะต้องมั่นใจว่าขณะที่ทำการโทร ตนเองอยู่นอกระยะการมองเห็นหรือได้ยินของคนร้าย เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายพุ่งเป้ามาโจมตี