svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

แม่เด็กมือแทงคอเพื่อน ม.2 ดับ เล่าเหตุผลลูกชายทำไปเพราะอะไร

แม่เด็กมือก่อเหตุแทงคอเพื่อน ม.2 ดับ เล่าสาเหตุลูกชายลงมือไปเพราะอะไร หลังได้ให้การกับตำรวจ ยอมรับผิดและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ขอชดใช้เท่าที่จะทำได้ ขณะที่แม่ผู้เสียชีวิตเดินทางไปรับศพเพื่อนำมาประกอบพิธีทางศาสนา

30 มกราคม 2567 ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่สังคมต้องหันกลับมามองและร่วมกันเรียนรู้เพื่อถอดบทเรียน จากกรณีเด็กชั้นมัยธมศึกษาปีที่ 2 ใช้มีดแทงคอเพื่อนจนเสียชีวิต วานนี้ (29ม.ค.) โดยเหตุเกิดที่โรงเรียนแห่งหนึ่งย่านพัฒนาการ 26  

สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับแม่ของเด็กผู้ก่อเหตุ โดยเปิดเผยว่า ตนเองและพ่อของเด็กได้แยกทางกัน แต่ก็ยังทำหน้าที่พ่อและแม่ คอยส่งเสียเลี้ยงดู ไปรับ-ส่ง ลูกไปโรงเรียนอยู่เป็นประจำ ซึ่งหลัก ๆ ลูกจะอาศัยอยู่กับย่าและน้องสาววัย 6 ขวบ

ส่วนเรื่องชีวิตการเรียนของลูกเป็นเด็กเรียนดีมาโดยตลอด เป็นคนใจดี นิสัยดี ไม่เคยนิสัยก้าวร้าว หรือมีเรื่องกับใคร จนกระทั่งเมื่อขึ้นชั้น ม.2 ลูกคบหากับเพื่อนหลังห้อง ซึ่งตนไม่เคยรู้มาก่อน หลังเกิดเรื่องลูกชายถึงได้มาเล่าให้ฟังว่า เพื่อนที่คบมีการสูบบุหรี่ เล่นกัญชา ซึ่งลูกสารภาพว่าเคยลองแค่ครั้งเดียว และไม่ได้ลองอีก เพราะลูกเป็นภูมิแพ้ ถ้าเสพพวกนี้จะส่งผลกระทบกับระบบหายใจ ซึ่งตอนนี้ลูกมีอาการหอบหืดจนต้องเขารักษาตัว ซึ่งจากคำบอกเล่าของลูก ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ       

แม่ผู้ก่อเหตุ ยังเล่าต่อว่า ลูกบอกว่ามักโดนกลั่นแกล้งที่โรงเรียน โดยก่อนหน้านี้ลูกมีเรื่องชกต่อยกับน้อง ม.1 ซึ่งครั้งนั้น เด็ก ม.1 เป็นคนมาหาเรื่อง แต่ลูกตนก็เลี่ยงที่จะมีปัญหากัน และจะเดินผ่านไป แต่เด็ก ม.1 ก็มาขวางทาง พอลูกชายง้างหมัดจะต่อย เด็ก ม.1 ก็ไม่หนีแถมยังยืนอยู่ที่เดิม ลูกจึงต่อยเด็กคนนั้นจนเกิดเรื่อง แต่เมื่อครูเปิดกล้องวงจรปิดดู กลับพบว่าลูกไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน เรื่องราวจึงจบไป 

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ที่มีคนให้ข่าวว่า ลูกขึ้นโรงพักอยู่บ่อยครั้ง หลายคนคงมองว่าเด็กอายุแค่นี้ ขึ้นโรงพักหลายครั้งคงไม่ใช่เด็กธรรมดา ทั้งที่คนๆ นั้น อาจจะไม่รู้สาเหตุ หรือที่มาที่ไป เรื่องของเรื่อง คือ ลูกคนมักมีอาการเดินไปเดินมาคล้ายเด็กไฮเปอร์ ทำให้ถูกกลั่นแกล้ง ถูกขโมยรองเท้าถึง 4 ครั้ง ซึ่งตอนที่รองเท้าหายในครั้งแรก ลูกชายถูกย่าต่อว่าเรื่องการรักษาของ ต่อมาพอรองเท้าหายอีกทำให้ลูกกลัวโดนต่อว่าอีก จึงคิดแก้ปัญหาผิดๆ ด้วยการเดินเข้าไปหยิบของจากร้านสะดวกซื้อ แล้วเดินไปที่ สน.คลองตัน เอาของไปหาตำรวจ แล้วบอกว่าตนเองไปขโมยของมา เพื่อต้องการให้ตำรวจกักตัวไว้ จะได้ไม่ต้องกลับบ้าน

 

"ลูกทำแบบนี้อยู่ 2 ครั้ง จนตำรวจต้องโทรหา เพื่อให้มารับลูกกลับบ้าน หลายคนอาจจะไม่เข้าใจ จนเกิดความเข้าใจผิดว่าอาจจะก่อเหตุร้ายแรงจนต้องเข้าโรงพักนับไม่ถ้วน" แม่ผู้ก่อเหตุ กล่าว

ส่วนกรณีของผู้เสียชีวิต ลูกให้การกับตำรวจว่า เมื่อประมาณ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ลูกชายได้เจอกับผู้เสียชีวิต เนื่องจากผู้เสียชีวิต มีเพื่อนรุ่นพี่อยู่ ม.3 ตอนนั้นผู้เสียชีวิตไปหาเพื่อนรุ่นพี่ และเจอกับลูกชาย และเรียกลูกชายไปนั่งข้าง ๆ เมื่อลูกชายไปนั่ง ผู้เสียชีวิตขอให้ลูกชายร้องเพลงให้ฟังหน่อย แต่ลูกชายบอกร้องไม่เป็น ผู้เสียชีวิตจึงตบลูกชายตนด้วยหลังมือ หลังจากนั้นลูกชายก็พบกับผู้เสียชีวิตอีก 2 ครั้ง มีการตบลูกชายด้วยแหวนรุ่น และยึดคีการ์ดเข้าห้องพักไป รุมทำร้ายลูกชายตนเสร็จ แล้วจึงยอมคืนคีการ์ดให้  

นอกจากนี้ หรือแม้กระทั้งการเข้ามาขอเงินลูกชายตน 20 บาท อ้างว่าจะเอาไปซื้อบุหรี่ สร้างความขุ่นเคืองใจให้กับลูกชายอย่างมาก จนกระทั้งเมื่อวันเสาร์ลูกชายขอเงินย่า อ้างว่าจะไปซื้อขนม แต่กลับเอาไปซื้อมีดเพื่อมาก่อเหตุในวันดังกล่าว

ส่วนเรื่องที่หลายคนสงสัยว่าลูกตนเป็นเด็กพิเศษหรือไม่ จนถึงตอนนี้ตนก็ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ เพราะเมื่อตอนที่ลูกเด็กๆประมาณ อนุบาล 2 ครูประจำชั้นได้แจ้งตนว่า ลูกอาจจะเป็นไฮเปอร์ให้ลองพาลูกไปตรวจ ตนจึงพาลูกไปตรวจหลังจากหมอตรวจก็ไม่ได้มีการนัดไปทำการรักษา ตนจึงเข้าใจว่าลูกไม่ได้เป็นอะไร เพราะไม่มีพฤติกรรมที่จะเป็นเด็กพิเศษเลย ไม่มีอาการย้ำคิด ย้ำทำ ไม่แสดงอาการเกรี้ยวกราดเมื่อไม่ได้ดั่งใจ เรียนเก่งมาโดยตลอด แต่จะเป็นคนเก็บตัว ชอบเล่นคนเดียว เล่นกับหุ่นยนต์ มีเพื่อนน้อย แต่คิดว่าอาจจะเป็นแค่ลักษณะนิสัยส่วนตัวเท่านั้น

ทั้งนี้ จนกระทั้งเมื่อช่วงเดือน ธ.ค. 2566 ครูที่โรงเรียนแจ้งว่าลูกมีอาการแปลก ชอบออกมาเดินนอกห้อง ไม่เข้าเรียน หรือเดินวนอยู่ในห้อง ให้พาลูกไปตรวจ ตนจึงได้ติดต่อไปที่โรงพยาบาลที่มีสิทธิ 30 บาท ที่ลูกสังกัดอยู่ แต่ทางโรงพยาบาลไม่มีหมอทางด้านจิตเวช จึงให้ตนพาลูกไปรับคำปรึกษาจากคลินิกจิตเวชเด็กและวัยรุ่น สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ตนจึงได้โทรไปสอบถาม แต่ได้คำตอบว่าต้องมีใบส่งตัวจากโรงพยาบาลระดับปฐมภูมิก่อน ตนจึงตั้งใจจะพาลูกไปขอใบส่งตัว แต่เนื่องจากปัญหาทางการเงินของครอบครัว จึงได้หารือกับพ่อของลูกว่า สิ้นเดือน ม.ค. 2567 ถ้าเงินเดือนออกจะพาลูกไปหาหมอ แต่กลับมาเกิดเรื่องเสียก่อน 

 

"ยอมรับว่าสิ่งที่ลูกทำเป็นสิ่งที่ผิดมาก เขาต้องได้รับผลที่เขากระทำ และที่ออกมาพูด ไม่ได้ต้องการจะใส่ร้ายคนตาย เพราะเขาไม่สามารถมาโต้แย้งอะไรได้แล้ว แต่ที่ออกมาสื่อสาร คือ คำที่ลูกบอกกับตำรวจ วนไปวนมา พูดเรื่อง ซ้ำ ๆ เดิม ๆ หลายครั้ง ตอนนี้ลูกชายสภาพติดใจแย่มาก เครียดจนหมอต้องให้ยา เพื่อให้เขานอนหลับ เห็นโซเชียลด่าลูกด้วยถ้อยคำต่าง ๆ นานา ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเรื่องก็เกิดขึ้นจริง แต่ที่ออกมาพูดก็เพื่ออยากทำหน้าที่แม่คนหนึ่ง ที่พอจะสามารถบอกเล่าเรื่องที่ลูกเจอ แต่ยอมรับผิดในสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนตัวและพ่อของลูกเสียใจกับเรื่องนี้มาก อยากจะติดต่อไปที่ญาติผู้เสียชีวิต อยากจะขอโทษเขาจริง ๆ อยากจะชดใช้ให้เขาเท่าที่จะทำได้ให้ดีที่สุด อยากจะไปงานศพ อยากจะไปขอโทษเขาด้วยตัวเอง" แม่ของเด็กผู้ก่อเหตุ ระบุ



แม่เด็กเสียชีวิตรับศพนำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา

ขณะที่ บรรยากาศการรับศพเด็กนักเรียน ชั้น ม.2 ที่ถูกเพื่อนแทงคอเสียชีวิตในโรงเรียน โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา แม่ของเด็กผู้เสียชีวิต พร้อมครอบครัว และญาติ รวมถึงคณะอาจารย์ของโรงเรียน ได้เดินทางไปรับศพ ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนา 

โดยแม่ของผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ในอาการโศกเศร้า และได้ขอติดต่อรับศพลูกชายตามขั้นตอน พร้อมทั้งเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้ลูกชาย และไม่ได้ตอบคำถามหรือพูดคุยใดๆกับสื่อมวลชน ซึ่งโดยภายหลังจากที่ทำการรับร่างแล้วนั้น จะนำร่างของผู้เสียชีวิตเดินทางมาที่จุดเกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ เพื่อพาดวงวิญญาณกลับบ้าน และนำร่างไปประกอบพิธีทางศาลนา ที่วัดทองใน ย่านอ่อนนุช กรุงเทพ 

ภายหลังจากการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่โรงเรียนนานกว่า 3 ชม. แม่ของผู้เสียชีวิตยังไม่พร้อมให้สัมภาษณ์ เปิดเผยเพียงสั้นๆว่า เบื้องต้นยังไม่ได้ข้อสรุปเพราะยังตกลงกับทางโรงเรียนไม่ได้ และตนยังคงรู้สึกเสียใจกับเหตุการที่เกิดขึ้น และยังทำใจไม่ได้ โดยเมื่อวาน ก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับครอบครัวของผู้ก่อเหตุ แต่ก็อยากให้เขามาขอขมาศพของลูกชาย และอยากเรียกความยุติธรรมคืนให้กับลูก 

เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามถามว่า อยากให้มีมาตราการความปลอดภัยในโรงเรียนเพิ่มขึ้นไหม แม่ตอบสั่นๆว่า "ใช่" 

ขณะที่ ต่อมาเวลา 13:45 น. แม่และญาติของผู้เสียชีวิต พร้อมผู้อำนวยการโรงเรียนและครูในโรงเรียน ได้นิมนต์พระสงฆ์จากวัดทองใน จำนวน 1 รูป มาอัญเชิญดวงวิญญาณเด็กที่เสียชีวิต ยังจุดเกิดเหตุภายในโรงเรียน ซึ่งระหว่างการทำพิธี พ่อและแม่ต่างมีอาการโศกเศร้า พร้อมกับหลั่งน้ำตา 

ด้าน พ.ต.อ.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ ผกก.สน.คลองตัน เปิดเผยผ่านโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าวว่า การตรวจสุขภาพจิตของเด็กที่ก่อเหตุนั้น แพทย์ระบุว่า จากการพูดคุยกับผู้ก่อเหตุเบื้องต้นพูดคุยได้ปกติ จากนี้ต้องรอความเห็นจากแพทย์อย่างเป็นทางการอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการรอแพทย์เจ้าของไข้ เซ็นให้ออกจากโรงพยาบาลที่มีการส่งตัวไปตรวจสภาพจิตตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ ซึ่งเมื่อแพทย์เจ้าของไข้ มีการเซ็นปล่อยตัวก็จะนำตัวเยาวชนอายุ 14 ปีรายนี้ ไปขออำนาจศาลเด็กและครอบครัวกลางทำการฝากขังต่อไป