อธิบดีกรมการข้าว เข้าให้ปากคำตำรวจ ปมถูกรีดทรัพย์ 1.5 ล้านบาท

28 มกราคม 2567 ความคืบหน้าภายหลังเจ้าหน้าที่ บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมกับ ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. บุกจับนายศรีสุวรรณ จรรยา หรือ "พี่ศรี" นักร้องเรียนชื่อดัง ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่บ้านพักส่วนตัวใน จ.ปทุมธานี ปมร่วมกันกับพวกเรียกรับเงินจากนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว จำนวน 3 ล้านบาท ก่อนจะมีการตกลงเหลือเพียง 1.5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ร้องเรียนเรื่องทุจริต

เบื้องต้น ภายหลังการสอบปากคำกว่า 9 ชั่วโมง นายศรีสุวรรณ ให้การปฏิเสธ พร้อมยื่นเงินสด 400,000 บาท เพื่อขอประกันตัวในชั้นสอบสวน โดยพนักงานสอบสวนไม่คัดค้านและอนุญาตให้ประกันตัว ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันนี้ (28 ม.ค.67) ความเคลื่อนไหวที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ช่วงบ่ายวันนี้ มีกระแสข่าวว่า อธิบดีกรมการข้าว ซึ่งเป็นผู้เสียหายในคดีเรียกรับผลประโยชน์ฯ จะเข้าให้ปากคำกับตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร ทีมข่าวจากสำนักต่างๆจึงได้เดินทางไปเพื่อดักรอสัมภาษณ์อธิบดี และได้เดินขึ้นไปสำรวจที่บริเวณชั้น 15 และชั้น 16 ซึ่งเป็นที่ทำการของบก.ปปป. แต่ไม่พบว่ามีการสอบปากคำอธิบดีหรือพยานคนอื่นๆที่ชั้นดังกล่าว มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2-3 นายที่ตรวจสอบข้อมูลพยานหลักฐานและสำนวน และให้ข้อมูลว่าไม่ได้มีการนัดหมายเข้ามาให้ปากคำในวันนี้ 

จากนั้น ทีมข่าวได้เดินทางไปที่ชั้น 27 ซึ่งเป็นห้องทำงานของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติปานแก้ว รอง ผบช.ก. ซึ่งรับผิดชอบดูแลคดีดังกล่าว เมื่อขึ้นไปพบว่าที่ห้องดังกล่าวถูกปิดไว้ แต่มีการเปิดไฟอยู่ภายในและพบป้ายติดอยู่ด้านหน้าในเชิงทำนองว่าปิดปรับปรุงห้อง และเมื่อสอบถามแม่บ้านก็แจ้งว่า วันนี้รองผู้บัญชาการไม่ได้เดินทางเข้ามาทำงานที่ชั้นดังกล่าว

ต่อมา มีกระแสข่าวว่าอธิบดีอาจเข้ามาให้ปากคำที่ตึกกองบังคับการปราบปรามซึ่งอยู่ใกล้กัน ทีมข่าวถึงได้เดินทางไปดักรอที่ใต้อาคารก็ไม่พบว่าอธิบดีกรมการข้าวได้ทำการแลกบัตรเพื่อเข้าสู่ระบบภายในตัวอาคาร และเมื่อเดินสำรวจรถที่จอดอยู่ด้านหน้าก็ไม่พบรถที่มีสัญลักษณ์หรือสติ๊กเกอร์ของกรมการข้าวติดอยู่แต่อย่างใด

ขณะที่ นายดนุเดช ศิริวงษ์ตระกุล ที่ปรึกษากฎหมายอธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยกับทีมข่าวว่า อธิบดีไม่ได้ติดต่อตนเองเรื่องการเข้ามาพบกับตำรวจเพื่อให้ปากคำ แต่ยอมรับว่าจะต้องมีการนำพยานหลักฐานต่างๆที่เกี่ยวข้องในคดีมามอบให้พนักงานสอบสวนในเร็วๆนี้แต่ต้องรอการนัดหมายก่อน ทั้งนี้ เป็นไปได้ว่าอธิบดีอาจเดินทางเข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนหรือตำรวจอย่างไม่เป็นทางการ 

นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้ติดต่อไปยังนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ทางโทรศัพท์ เจ้าตัวให้ข้อมูลว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคน และเมื่อสอบถามว่า ขณะนี้ให้ปากคำอยู่ที่ใดใช่ที่กองบังคับการปราบปรามหรือไม่ นายณัฏฐกิตติ์ก็ตอบรับและตัดสายทันที

ภรรยาอธิบดีกรมการข้าว หอบ 20 บัญชีธนาคาร ให้ตำรวจตรวจสอบ 

ทั้งนี้ วันนี้ นายณัฐกิตติ์ ได้เดินทางเข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. โดยมีนางธัญญรัตน์ ไชยศิริคุณากร ภรรยา เดินทางเข้ามาด้วย พร้อมนำนำหลักฐานบัญชีธนาคาร 20 บัญชี มาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ

นางธัญญารัตน์ กล่าวว่า เป็นไปตามที่เจ้าหน้าที่ได้แถลงข่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่พูดเซฟไปด้วยซ้ำเพราะความเป็นจริงหลักฐานมีมากกว่านั้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันเกิดเหตุที่ชัดเจนทุกอย่างทุกถ้อยคำ

ส่วนที่ผู้ต้องหาออกมาปฏิเสธว่า ไม่เคยเรียกรับเงินหรือรับผลประโยชน์  นางนางธัญญรัตน์ ระบุว่า เรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องของเรา ส่วนเรื่องคลิปเสียงที่ออกมาทำนองว่ามีการต่อรองเรื่องเงินนั้น ตนเองยังไม่เห็น เพราะทำงานส่วนตัวอยู่และรู้สึกเหนื่อย จึงยังไม่ได้สนใจในเรื่องตรงนี้ อีกทั้งยุ่งเรื่องการเก็บหลักฐานต่างๆ จนยังไม่ได้พัก 

เมื่อถามว่ายืนยันในความบริสุทธิ์ของอธิบดีหรือไม่ นางนางธัญญรัตน์ ย้ำว่า ขอให้ไปดูตามสื่อว่าโครงการต่างๆเกิดขึ้นจริงหรือไม่  ส่วนผู้ต้องหาที่มาเรียกรับเงินมาจากสาเหตุอะไรนั้น  ต้องไปถามเขา ซึ่งยืนยันว่า พร้อมให้ตรวจสอบโดยในวันนี้ได้นำบัญชีจำนวน 20 เล่มมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ว่ามีความผิดอะไรหรือไม่ พร้อมนำหลักฐานที่มีทั้งหมด ให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง 

นางธัญญารัตน์ กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุ นายจ.ได้ติดต่อมาในระหว่างที่มีเรื่องกัน ส่วนเป็นเรื่องอะไรนั้นได้ให้หลักฐานกับตำรวจไปแล้ว ส่วนฝั่ง นาย ศ. ขณะนี้ยังไม่ได้ติดต่อกลับมา และไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกันเพิ่มเติม

เมื่อถามว่า อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ นางธัญญรัตน์ กล่าวว่า ต้องแล้วแต่เจ้าหน้าที่ เพราะส่วนตัวเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบฝั่งตนเองมากกว่าที่จะไปตรวจสอบอีกฝั่งหนึ่ง เพราะก่อนที่จะไปดำเนินการกับผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ได้มีการวางแผนกันมานานแล้ว  

"สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ ตนเองเห็นใจเจ้าหน้าที่มาก พอกรณีนี้เป็นปัญหาบ้านเมือง เจ้าหน้าที่ต้องทำงานหนักอดนอน ซึ่งหลักฐานต่างๆที่ตนเองนำไปให้เจ้าหน้าที่ ก็ได้รับความเห็นใจ แต่ไม่ได้ฟังและเชื่อเลย ต้องตรวจสอบก่อนอย่างละเอียด เพราะถ้าหากเกิดอะไรขึ้นเจ้าหน้าที่ก็จะโดนด้วย" นางธัญญารัตน์ กล่าวทิ้งท้าย

 

ผู้การ ปปป. เรียกประชุมชุดทำคดี พรุ่งนี้

ด้าน พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. เปิดเผยว่า หลังสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 คนแล้ว ทุกคนให้การปฏิเสธ ไม่ยอมให้การที่เป็นประโยชน์กับคดี แต่ทั้งนี้ไม่ได้หนักใจอะไรเพราะหลักฐานที่มีอยู่ในมือพนักงานสอบสวนนั้นมีมากอยู่แล้ว ส่วนขั้นตอนต่อไปจะส่งเอกสารหลักฐานทุกอย่างที่ได้มาไปตรวจพิสูจน์ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อนำมาใช้ประกอบสำนวน ทั้งนี้ในวันพรุ่งนี้ (วันที่ 29 ม.ค.) เจ้าหน้าที่จะประชุมคณะทำงานสอบสวน รวมทั้งทีมกฏหมาย เพื่อดูว่าคดีนี้ยังขาดอะไรอีกบ้าง ต้องแสวงหาอะไรเพิ่มเติมเพื่อมาประกอบสำนวนอีกหรือไม่