รวบเครือข่ายยานรกภาคเหนือ ยึดยาบ้า 10 ล้านเม็ด พบเตรียมกระจายช่วงปีใหม่

6 ธันวาคม 2566  ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ตำรวจปราบปรามยาเสพติด และฝ่ายปกครอง ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายค้ายาเสพติด 5 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 10 ล้านเม็ด 

กรณีการจับกุมเครือข่ายนี้ ตำรวจใช้เวลาร่วมเดือนแกะรอยแก๊งค้ายาเสพติดภาคเหนือ ที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ หลังมีการข่าวว่าจะมีการลักลอบขนยาบ้าเสพติด จากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามา กระจายในบ้านเรา โดยเฉพาะพื้นที่ชั้นในอย่างกรุงเทพฯ และหัวเมืองต่างๆ หวังกระจายในช่วงท้ายปี ที่มีการจัดงานรื่นเริง 

โดยตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้ติดตามพฤติกรรมเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือ เครือข่ายนี้ พบว่า ใช้รถกระบะลักษณะตีคอก และ รถกระบะอีซูซุ ลำเสียงยาเสพติดจาก จ.เชียงใหม่ ลงไปยังพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยอำพรางด้วยพืชผลทางการเกษตร

ต่อมาได้พบความเคลื่อนไหวของเครือข่าย ที่ขับรถกระบะคันดังกล่าวเข้าไปรับ ยาเสพติดบริเวณ ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จากนั้นได้มุ่งหน้าสู่พื้นที่ภาคกลาง โดยมีรถยนต์อีชูซุ ขับนำทางและนำมาจอดทิ้งไว้ที่บริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน ใน จ.พระนครศรีอยุธยา และมีรถเก๋งฮอนด้า ขับรถมาจอดที่หน้ารถกระบะ แล้วมีคนลงจากรถเก๋ง แล้วขึ้นไปขับรถกระบะลักษณะตีคอกฯออกไป โดยขับมาจอดภายในซอยหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านประเวศ กรุงเทพฯ 

ตำรวจจึงได้เข้าทำการจับกุม โดยจากการตรวจค้นรถกระบะลักษณะตีคอก พบมีการใช้กลัวยน้ำว้าจำนวนมาก มาวางปิดทับซุกซ่อนกระสอบบรรจุยาบ้า จำนวนประมาณ 10 ล้านเม็ด จึงจับกุมผู้ต้องหา ซึ่งทำหน้าที่ขับรถบรรทุกยาเสพติด และรถนำทั้งหมด จำนวน 5 คน พร้อมรถยนต์ 3 คัน ไว้ได้

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการจับกุมเมื่อวันที่ 26 พ.ย. เนื่องจากข้อมูลที่ได้รับเป็นการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามา แล้วมีวิธีการนำยามาซุกซ่อนกับผลผลิตทางการเกษตร และนำมาไว้ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา ตำรวจจึงเข้าแสดงตัวและจับกุม จากการตรวจค้น คือการที่น้ำกล้วยน้ำว้ามาปกปิด เป็นกระบวนการที่ใช้อยู่ แล้วนำยาบ้ามาซุกซ่อน โดยยาเสพติดเหล่านี้ จะนำมาจำหน่ายในเขตปริมณฑล และครั้งนี้ก็ถือเป็นการตัดวงจรอย่างรวดเร็วก่อนจะมีการนำยามากระจายต่อ

ด้าน นายชาดา ระบุว่า เป็นการบูรณาการร่วมกัน ทั้งตำรวจและฝ่ายปกครอง โดยให้ผู้ใหญ่บ้านร่วมกับ ตำรวจในการตรวจสอบหมู่บ้านของตัวเอง “คนเป็นผู้ใหญ่บ้าน ถ้าไม่รู้ว่าในหมู่บ้านมีการขายยาบ้า ก็ไม่น่าเป็นแล้วผู้ใหญ่บ้าน” 

และต้องเข้มข้นในการปราบปรามยาเสพติดมากขึ้น หลังคิกอ๊อฟไปตั้งแค่ 1 ธ.ค. ในการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติด โดยภายใน 3 เดือนจะมาดูผลอีกครั้ง ทั้งนี้ เชื่อว่าถ้าบูรณาการการทำงานร่วมกันจะเกิดผลดีกับประเทศชาติ เพราะที่ผ่านมา ตำรวจกับกระทรวงมหาดไทยต่างคนต่างทำงาน และเชื่อว่าจะทำให้ปัญหานี้เบาบางลงแน่นอน