svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

จับโบรกเกอร์บริษัทประกัน นำข้อมูลส่วนบุคคล นับล้านรายชื่อ ขายให้มิจฉาชีพ

ตำรวจไซเบอร์ จับโบรกเกอร์บริษัทประกันภัยชื่อดัง นำข้อมูลส่วนบุคคล นับล้านรายชื่อ ขายให้มิจฉาชีพ เตรียมแถลงข่าวพรุ่งนี้ 6 พ.ย. 66

6 พฤศจิกายน 2566 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีแถลงข่าวการจับกุมปฏิบัติการ Data Guardians Operation ล่าทรชน คนค้าข้อมูล โดยมีการจับกุมผู้ต้องหารวม 3 ราย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการขายข้อมูลส่วนบุคคลให้กลุ่มมิจฉาชีพกว่า 15 ล้านรายชื่อ

จับโบรกเกอร์บริษัทประกัน นำข้อมูลส่วนบุคคล นับล้านรายชื่อ ขายให้มิจฉาชีพ

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กล่าวว่า การเข้าจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ เป็นการขยายผลมาจากกรณีที่ตำรวจไซเบอร์ได้เคยเข้าจับกุมผู้ต้องหาวิศวกรหนุ่มที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยผู้ต้องหามีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปขายต่อให้ธุรกิจสีเทากว่า 2 ล้านรายชื่อ

จากนั้นได้มีการขยายผลต่อ จนนำไปสู่การเข้าจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นพ่อค้าคนกลางรับซื้อข้อมูลจากธุรกิจขายอาหารเสริม ไปขายต่อให้กับวิศวกรหนุ่ม โดยผู้ต้องหารายนี้อ้างว่า ได้ซื้อข้อมูลมากกว่า 15 ล้านรายชื่อ แล้วนำมาแบ่งขายให้กับกลุ่มที่สนใจในดาร์คเว็บ ทำรายได้กว่า 4 แสนบาทต่อเดือน

พล.ต.ท.วรวัฒน์ เปิดเผยอีกว่า จากปฏิบัติการทั้ง 2 ครั้ง ตำรวจไซเบอร์ได้ทำการขยายผลจนพบความเชื่อมโยงและนำกำลังเข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้เพิ่มเติมอีก 3 ราย

จับโบรกเกอร์บริษัทประกัน นำข้อมูลส่วนบุคคล นับล้านรายชื่อ ขายให้มิจฉาชีพ

รายแรก คือ นายพศิน อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ของบริษัทประกันภัยชื่อดัง ลักลอบนำข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าประกันนับล้านรายชื่อไปขายให้กับกลุ่มมิจฉาชีพ ซึ่งข้อมูลของลูกค้าประกันถือว่าเป็นข้อมูล เกรด A เป็นข้อมูลในเชิงลึกที่มีมากกว่าแค่ชื่อ-นามสกุล เลขบัตรประชาชน 13 หลัก และเบอร์โทร แต่มีข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีธนาคารด้วย โดยจากการสืบสวนพบว่า นายพศิน เป็นผู้ขายข้อมูลเหล่านี้ ให้กับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้

ผู้ต้องหารายที่ 2 คือ นายณัฐพงษ์ อายุ 28 ปี เป็นโปรแกรมเมอร์ ที่ได้ทำการพัฒนาโปรแกรม API Bypass Face Scan และนำโปรแกรมนี้ไปขายให้กลุ่มมิจฉาชีพ โดยเป็นโปรแกรมที่สามารถเข้าไปแก้ไขโค้ดของแอปพลิเคชั่นธนาคาร ให้ยกเลิกเงื่อนไขการสแกนใบหน้า เมื่อมีการโอนเงินจำนวนมากกว่า 5 หมื่นบาท สร้างความสะดวกให้กลุ่มมิจฉาชีพมากยิ่งขึ้น

และผู้ต้องหารายที่ 3 คือ นายยอดชาย อายุ 24 ปี ทำหน้าที่เป็นแอดมินกลุ่มเฟซบุ๊กซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีข้อมูลที่ใช้ซื้อขายมากกว่า 15 ล้านรายชื่อ ซึ่งนายยอดชาย รับทำหน้าที่ไลฟ์สดให้แก่เว็บไซต์พนันออนไลน์ และได้นำข้อมูลมาจากฐานข้อมูลของเว็บพนันออนไลน์ มาขายในกลุ่มดาร์คเว็บ

โดยตำรวจได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 3 รายในความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการขยายผลไปยังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติมต่อไป

จับโบรกเกอร์บริษัทประกัน นำข้อมูลส่วนบุคคล นับล้านรายชื่อ ขายให้มิจฉาชีพ

พล.ต.ต.วรวัฒน์ กล่าวอีกว่า ในจำนวนข้อมูลทั้งกว่า 15 ล้านรายชื่อที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายนำมาซื้อขายนี้ จากการตรวจสอบพบว่าบางส่วนก็เป็นข้อมูลที่ซ้ำกัน และส่วนใหญ่จะเป็นเพียงข้อมูลพื้นฐาน มีแค่บางส่วนที่เป็นข้อมูลในเชิงลึก

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโบรกเกอร์ประกันภัยนั้น จะต้องขยายผลต่อไปว่ามีการนำข้อมูลออกมาได้อย่างไร และมีใครเกี่ยวข้องอีกบ้าง แต่ในส่วนของพฤติการณ์ ขอให้เป็นรายละเอียดในสำนวนเพราะยังต้องขยายผลเพิ่มเติม โดยโบรกเกอร์ที่มีพฤติกรรมแบบนี้ก็อาจจะเพียงแค่บางส่วน ไม่ใช่ทุกคน