svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

รวบยกแก๊ง โจ๋ตระเวนลัก จยย. พบประวัติโชกโชน เร่งขยายผลต่อ

04 พฤศจิกายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ตร.คลองตัน บุกรวบยกแก๊ง โจ๋ตระเวนลัก จยย. ทั่วกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ส่งขายต่อ ก่อนนำเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน สุดท้ายจนมุมคาห้องพัก พบประวัติโชกโชน พร้อมเร่งขยายผลผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี

4 พฤศจิกายน 2566 พ.ต.อ.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ ผกก.สน.คลองตัน พ.ต.ท.ประเสริฐ จันทร์อักษร รอง ผกก.สส.สน.คลองตัน พ.ต.ท.จักเรศ อุปถัมภ์ และพ.ต.ท.กฤศณัฐฏ์ งามแสง สว.สส.สน.คลองตัน นำกำลังจับกุมนายวงศธร (สงวนนามสกุล)  อายุ 20 ปี , นายวิวัฒน์  (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี และนายแกรม (สงวนชื่อสกุลจริง) อายุ 18 ปี ผู้ต้องหาแก๊งลักรถจักรยานยนต์

พร้อมของกลาง จักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นคลิก สีดำ จำนวน 1 คัน จักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นเวฟ สีเทาดำ จำนวน 1 คัน หมวกกันน๊อก สีดำ จำนวน 2 ใบ เสื้อคลุมแขนยาว สีเทา จำนวน 2 ตัว แผ่นป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์ จำนวน 2 แผ่น อุปกรณ์ส่วนควบรถจักรยานยนต์ จำนวน 7 ชิ้น และตะกร้าหน้ารถจักรยานยนต์ จำนวน 2 อัน ได้บริเวณห้องพัก แฟลตเคหะแห่งหนึ่ง ย่านบางเขน กรุงเทพฯ

หลังจากตำรวจรับแจ้งมีกลุ่มคนร้ายเข้ามาลงมือโจรกรรมรถจักรยานยนต์ ในพื้นที่รับผิดชอบ เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ที่ผ่านมา ทำให้ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.คลองตัน จึงลงพื้นที่สืบสวนสอบสวน ตลอดจนตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อหาเส้นทางการหลบหนี

กระทั่ง ตำรวจสืบทราบว่า นายวงศธร หนึ่งในผู้ต้องหา ได้หลบหนีมาอยู่ที่บริเวณห้องพัก ในเคหะดังกล่าว จึงนำกำลังไปตรวจสอบ จนนำไปสู่การจับกุมตัว ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ก่อนนำตัวสอบสวน ที่ สน.คลองตัน

จากการสอบสวน ผู้ต้องหา ให้การยอมรับสารภาพว่า นายวงศธร และนายวิวัฒน์ ได้รู้จักกับนายโอ๊ต (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) อายุประมาณ 25 ปี เป็นคนชักชวน และนำอุปกรณ์ที่ใช้แทงเบ้ากุญแจรถจักรยานยนต์ มาให้นายวงศธร เป็นผู้ทำหน้าที่แทงเบ้ากุญแจ และลักเอารถจักรยานยนต์คันที่ลักไป  

ซึ่งที่ผ่านนายวงศธร และนายวิวัฒน์ เคยก่อเหตุมาก่อนหน้านี้ 2 ครั้ง โดยมีนายโอ๊ต ร่วมด้วย ซึ่งครั้งแรกก่อเหตุในพื้นที่ สน.ลาดกระบัง และครั้งที่สองก่อเหตุใสพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และครั้งล่าสุดที่ก่อเหตุในพื้นที่ สน.คลองตัน ซึ่งนายโอ๊ต ไม่ได้ไปร่วมก่อเหตุด้วย แต่เป็นนายแกรม ที่ไปร่วมก่อเหตุด้วยแทน โดยทุกครั้งที่ก่อเหตุ เมื่อได้รถจักรยานยนต์มาแล้ว จะนำรถไปจอดที่แถวใกล้วัดพระยาสุเรนทร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. ซึ่งมีนายโอ๊ต เป็นผู้ทำหน้าที่ติดต่อประสานงานซื้อขายต่อไป แล้วจึงนำเงินมาแบ่งให้กับนายวงศธร และนายวิวัฒน์ ครั้งละประมาณ 1,500-2,000 บาท ก่อนนำเงินที่ได้มาใช้จ่ายในชีวิต

ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้ง 3 คนโดย นายวงศธร เคยต้องหาคดี ปี 2561 สน.คันนายาว ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน หรือรับของโจร” และปี 2566 สน.คลองตัน ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือร่วมกันรับของโจร”

ส่วนนายวิวัฒน์ เคยต้องคดี ปี 2561 สน.คันนายาว ในข้อหา “มีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท5 โดยผิดกฎหมาย” ,ปี2563 สน.คันนายาว ในข้อหา “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท5 โดยผิดกฎหมาย” และปี2566 สน.คลองตัน ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือร่วมกันรับของโจร”

ส่วนนายแกรม เคยต้องคดี ปี 2566 สน.คลองตัน เป็นบุคคลในภาพตามหมายจับ ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือร่วมกันรับของโจร”

เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกระทำผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือร่วมกันรับของโจร” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี ทางตำรวจจะเร่งขยายผลมาลงโทษให้ได้ต่อไป

logoline