
"คดีน้องชมพู่" ข่าวดังปี 2563 เป็นคดีที่ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยมีตัวละครสำคัญอย่าง "ลุงพล" คนดังแห่งหมู่บ้านกกกอก เข้ามาพัวพันกับการหายตัวอย่างปริศนาของ "น้องชมพู่" ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา วัย 3 ขวบ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2563
ในช่วงแรกของการหายตัว ชาวบ้านในหมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ชาวบ้าน และครอบครัวได้ระดมออกค้นหาบริเวณโดยรอบ แต่ไม่พบตัว
จนกระทั่ง วันที่ 14 พฤษภาคม 2563 ชาวบ้านไปพบร่างไร้วิญญาณของ น้องชมพู่ ในสภาพเผลือยกาย บนภูเหล็กไฟ ซึ่งเป็นเขาสูงชันห่างจากบ้านพัก ถึง 2 กิโลเมตร สร้างตกใจและความสงสัยกับชาวบ้านในพื้นที่ ว่า เด็กอายุเพียง 3 ขวบ จะขึ้นไปทำไม ไปได้อย่างไร และปักใจเชื่อว่านี่คือ "คดีฆาตกรรม" ทิ้งศพเพื่ออำพรางคดี
หลังพบร่างน้องชมพู่ ตำรวจ สภ.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร นำร่างไปชันสูตรที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ซึ่งขณะนั้นมีผู้ต้องสงสัยถูกนำไปตรวจอีเอ็นเอ 7 ราย โดยพยานเด็ก 7 ขวบ ระบุว่า เห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อสีส้มแขนยาว มีหมวกสีดำเหมือนคนตัดอ้อย ปิดหน้าไว้ อุ้มน้องชมพู่ ไป
กระทั่งวันที่ 18 พฤษภาคม 2563 ปรากฎชื่อ "ลุงพล" นายไชย์พล วิภา ลุงของน้องชมพู่ ออกมาให้ข่าวกับสื่อมวลชน ว่า ผลการชันสูตรศพน้องชมพู่ มีร่องรอยถูกทำร้ายร่างกายและล่วงละเมิดทางเพศ แต่ตรงไหนยังไม่ทราบ แต่ในวันต่อมาแผนกนิติเวช โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานี ยืนยันผลการตรวจชันสูตรน้องชมพู่ ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายและการล่วงละเมิดทางเพศแต่อย่างใด
"ลุงพล" ตกเป็นผู้ต้องสงสัย
หลังเกิดเหตุ ตำรวจเร่งสืบสวนสอบสวน ตัดผู้ต้องสงสัยออกทีละคน จากพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และพยานบุคคล ซึ่ง "ลุงพล" กลายมาเป็นผู้ต้องสงสัย หลังจากมีการพบพิรุธหลายประเด็น ทั้งการไม่ไปร่วมงานศพ การปักธูปกลับหัว รวมทั้งการให้ข้อมูลไม่ตรงกันหลายเรื่อง
กระทั่ง ลุงพล ไปออกรายการดัง เปิดใจเกี่ยวกับกรณีถูกสงสัยว่าเป็นผู้ลงมือฆ่าน้องชมพู่ ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นคนฆ่าล้านเปอร์เซ็นต์ รักเหมือนลูกตัวเอง พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกต พ่อแม่ น้องชมพู่
ท่ามกลางของการสืบสวนสอบสวนคดีการเสียชีวิตของ "น้องชมพู่" อย่างเข้มข้น ปรากฎเหตุการณ์ "ยิ่งแบน ยิ่งดัง" ลุงพล เดินสายออกรายการต่างๆ รวมทั้งการเกาะติดข่าวแบบเรียลไทม์โดย ยูทูปเบอร์ จำนวนมาก ส่งให้ "ลุงพล" เสมือนเป็น "อินฟลูเอนเซอร์" มีงานโฆษณา งานถ่ายแบบ งานร้องเพลง และอีเวนต์ต่างๆเข้ามาจำนวนมาก โดยมี "อุ๊บ วิริยะ" นักปั้นมือทอง ปรากฎข้างกายในทำหน้าที่เสมือนผู้จัดการส่วนตัว
ในส่วนของคดีความ มีทนายคนดังหลายคน เข้ามาช่วยเหลือในทางคดีกับ ลุงพล
"ลุงพล" ฟิวขาด ทุบทำร้ายนักข่าว
"ลุงพล" ถูกสื่อแทบทุกสำนักตามติดในการนำเสนอข่าว กระทั่งช่วงสายของวันที่ 19 มกราคม 2564 เกิดเหตุชุลมุนขึ้น ขณะเจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัดมุกดาหารนำเอกสารร้องเรียนจาก นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ที่ร้องให้ตรวจสอบไม้ตะเคียน ที่ศาลแม่ตะเคียนโสรภีข้างบ้านลุงพล
โดยระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังอ่านข้อร้องเรียนให้ลุงพลฟัง ท่ามกลางสื่อมวลชนที่มาติดตามทำข่าว จู่ ๆ ลุงพลเกิดอาการของขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ เข้าแย่งไมค์จากผู้สื่อข่าวทีวีช่องหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวช่องดังกล่าวพยายามชี้แจงว่า เข้ามาทำหน้าที่ตามปกติ แต่ ลุงพล ได้โผเข้าหา ก่อนทุบหลัง 2 ครั้ง พร้อมกับผลักไหล่ ก่อนจะพยายามบีบคอ และกระชากหน้ากากอนามัยออก จนทำให้ กลุ่มยูทูบเบอร์ ที่ติดตามไลฟ์สดต้องมาดึง ลุงพล ออกไป หลังเกิดเหตุมีการแจ้งความดำเนินคดีกับ ลุงพล ในข้อหาทำร้ายร่างกาย
กระทั่งเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 ศาลจังหวัดมุกดาหาร ได้พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว พิพากษาว่า "ลุงพล" จำเลย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 309 วรรคแรก, 391 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษในความผิดฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดโดยใช้กำลังประทุษร้าย ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตาม ป.อ.มาตรา 90 จำคุก 2 เดือน ปรับ 10,000 บาท
จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 5,000 บาท พิเคราะห์ผลการชันสูตรบาดแผลผู้เสียหายแล้ว ไม่ปรากฏอันตรายร้ายแรง และจำเลยได้ลุแก่โทษโดยนำเงินค่าเสียหายมาวางศาล จึงให้โอกาสแก่จำเลยโดยรอการลงโทษจำคุก มีกำหนด 1 ปี
คดีบุกรุกป่า ตัดไม้ สร้างวังพญานาค
ไม่เพียงตกเป็นผู้ต้องหา "คดีน้องชมพู่" แล้ว ลุงพล ยังถูกแจ้งข้อหา บุกรุกป่าสงวน โดย เจ้าหน้าที่ป่าไม้มุกดาหาร เข้าแจ้งข้อกล่าวหา ลุงพล พร้อมยูทูบเบอร์ 2 คน ในข้อหาตัดไม้ในเขตป่าสงวนดงภูพาน โดยมีหลักฐานเป็นคลิปยูทูปเบอร์กำลังตัดต้นกระถินป่า 4 ต้น ตรงจุดสร้างพญานาค และปรับพื้นที่ หลังจากมีคลิปการตัดไม้ของลุงพล พร้อมกับมียูทูปเบอร์เป็นคนช่วยตัดช่วยลากต้นไม้ เผยแพร่เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2563
เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจาก หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มห.2 (ดงหลวง) เข้ามาตรวจสอบ พร้อมกับวัดขนาดของตอไม้ที่ยังคงเหลืออยู่ โดยได้มีการถ่ายรูปสภาพทั่วไป พร้อมกับตามหาชิ้นส่วนของไม้ที่ได้ถูกนำไปทิ้งบริเวณใกล้เคียง บางส่วนได้ถูกนำไปใช้สร้างที่พักคนงานก่อสร้าง
หลังจากเข้าเก็บหลักฐานแล้ว พบว่าเป็นต้นกระถินป่า และได้รับการยืนยันว่า เป็นต้นไม้ขึ้นเองตามธรรมชาติในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงภูพาน จ.มุกดาหาร
28 มกราคม 2564 เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่า ได้เข้าทำการปักป้ายประกาศแปลงตรวจยึดพื้นที่ก่อสร้างรูปปั้นพญานาค ที่อยู่บริเวณข้างบ้านลุงพล โดยข้อความระบุว่า
"พื้นที่ตรวจยึดอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงภูพาน ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 1127 พ.ศ. 2528 ท้องที่บ้านกกกอก ตำบลกกตูม อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร อาศัยอำนาจตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ให้ผู้กระทำผิดพร้อมบริวารออก หรืองดเว้นการกระทำใดใดในพื้นที่ตรวจยึด"
กระทั่ง 21 เมษายน 2565 ศาลจังหวัดมุกดาหาร พิพากษาจำคุก ลุงพล จำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 3 เดือนปรับ 45,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีกำหนด 1 ปี ปรับคนละ 20,000 บาท ให้ "ลุงพล" จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายกรมป่าไม้จำนวน 23,054 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี รื้อถอนพญานาคภายใน 30 วัน
ถูกดำเนินคดี ครอบครองไม้หวงห้าม
ช่วงต้นปี 2564 เจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัดมุกดาหาร ได้เข้าตรวจสอบท่อนไม้ที่ระบุว่าเป็น "ตะเคียนทอง" ตั้งเป็นศาลเจ้าแม่โสรภี ข้างบ้านของลุงพล ต่อมาผลตรวจสอบพบว่าเป็น "มะค่าแต้" ไม่ใช่ ตะเคียนทอง
ทั้งนี้ "มะค่าแต้" เป็นไม้หวงห้าม หากครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ตามมาตรา 69 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 50,000 บาท
ลุงพล ชี้แจงว่า ไม้ท่อนนี้ไหลตามน้ำจากบนภูเขามาติดที่คลองข้างบ้าน สังเกตเห็นเนื้อไม้เป็นสีเหลือง เข้าใจว่าเป็นไม้ตะเคียน จึงไม่กล้านำไปใช้ ส่วนที่มีการกราบไหว้ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล มีชาวบ้านมากราบไหว้ขอพรแล้วประสบความสำเร็จ บ้างก็มารำแก้บน บ้างก็เอารถแห่มาเปิดถวาย ตั้งเป็นศาลเจ้าแม่ตะเคียนโสรภี
ต่อมาพนักงานอัยการจังหวัดมุกดาหาร เป็นโจทก์สั่งฟ้อง “ลุงพล” ฐานความผิด ทำไม้หวงห้ามในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต, รับไว้ซ่อนเร้น จำหน่าย หรือช่วยพาเอาไปเสียให้พ้น ซึ่งไม้หรือของป่าที่ตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้หรือของป่าที่มีผู้ได้
กระทั่ง 30 มีนาคม 2566 ศาลชั้นต้นพิพากษา "ลุงพล" คดีครอบครองไม้หวงห้าม โดยไม่ได้รับอนุญาต ให้จำคุก 4 เดือน ปรับเงิน 6,666 บาท ริบไม้ของกลาง โทษจำคุกรอลงอาญา 1 ปี
ภาพของ "ลุงพล" มีให้เห็นทั้งแง่บวกและด้านลบ ต้องจับตาศาลนัดอ่านคำพิพากษา วันที่ 31 ตุลาคมนี้ ชะตากรรมของ "ลุงพล" จำเลยคดีฆาตกรรม "น้องชมพู่" จะลงเอยอย่างไร..??