svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ตร.ภาค 7 แถลงจับ 2 ผู้ต้องหา คดียิงเซียนไก่ชน แต่ยังขาด "เบ็น มาบแค"

11 ตุลาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ตำรวจภูธรภาค 7 แถลงจับกุม 2 ผู้ต้องหา คดียิงเซียนไก่ชนกลางบ่อนไก่ แต่ยังขาด "เบ็น มาบแค" มือยิง พร้อมเร่งตรวจสอบ อยู่ในกลุ่มขึ้นบัญชีผู้มีอิทธิพลหรือไม่ ขณะที่ครอบครัวมือปืนยืนยันหากินสุจริต

11 ตุลาคม 2566 ความคืบหน้าคดีที่ นายเบ็น เหล่างาม หรือ "เบ็น พะเนียงแตก" หรือ "เบ็น มาบแค" อายุ 29 ปี ใช้อาวุธปืนยิง นายพิรุณ ยศเครือ อายุ 33  ปี เซียนไก่ชนคู่พนัน ชาว อ.กำเเพงเเสน จนเสียชีวิต ภายในสนามชนไก่วรวิช อ.ดอนตูม จ.นครปฐม หลังนายเบ็น เสียพนันและยกพวกเข้าตะลุมบอนกัน 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

โดยหลังก่อเหตุ ได้ขับรถหลบหนีไป ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างเร่งล่าตัว รวมถึงได้จับกุมพี่ชายที่ช่วยพาหลบหนี พร้อมเตรียมออกหมายจับ ผู้ที่เกี่ยวข้องอีกเกือบ 40 คน รวมถึงเร่งตรวสอบเส้นทางการเงิน และความเชื่อมโยงเครือข่ายอิทธิพลท้องถิ่น ตามที่นำเสนอไปนั้น 
ตร.ภาค 7 แถลงจับ 2 ผู้ต้องหา คดียิงเซียนไก่ชน แต่ยังขาด \"เบ็น มาบแค\"
 

ล่าสุด พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการจับกุม ผู้ต้องตามหมายจับศาลนครปฐมในคดีนี้ พร้อมของกลาง รถยนต์ อาวุธปืน มีผู้ต้องหาตามหมายจับ ที่ถูกจับกุม 2 ราย คือ นายสรศักดิ์ เหล่างาม อายุ 34 ปี หรือ เอ็ม พี่ชายนายเบ็น และ นายดนุชเดช ฉายทองคำ อายุ 24 ปี หรือ อาร์ม พร้อมของกลางรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน XX 3000 นครปฐม (ที่ใช้ในการหลบหนี , ยึดปีน Glock 26 ขนาด 9 มม. 1 กระบอก มาเพื่อทำการตรวจเปรียบเทียบ
ตร.ภาค 7 แถลงจับ 2 ผู้ต้องหา คดียิงเซียนไก่ชน แต่ยังขาด \"เบ็น มาบแค\"
 

จากการสืบสวนของตำรวจทราบว่า นายเบ็น เหล่างาม เป็นผู้ก่อเหตุยิงดังกล่าว โดยมีนายสรศักดิ์ เหล่างาม และ นายดนุชเดช ฉายทองคำ เป็นผู้พาหลบหนี  ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย 

โดย นายเป็น ต้องหาว่า "ฆ่าผู้อื่น , มีอาวุธป็น เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วน ตามสมควรแก่พฤติการณ์ และ ยิงปืนโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน " 
นายเบ็น เหล่างาม หรือ "เบ็น พะเนียงแตก" หรือ "เบ็น มาบแค"  

นายสรศักดิ์ และ นายดนุชเดช ถูกดำเนินคดี "ร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำผิดหรือผู้ต้องหากระทำผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษหรือไม่ให้ต้องโทษ หรือ รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำ ให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยช่อนเร้น หรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม" เนื่องจากผู้กลุ่มผู้ต้องหาก่อเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ และ ก่อเหตุโดยใช้อาวุธปืน 

ก่อนที่ตำรวจภูธรภาค 7 จะระดมกำลัง ทั้งเจ้าหน้าที่สืบสวนภาค , เจ้าหน้าที่สืบสวน ภ.จว.นครปฐม และ เจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.ดอนตูม ออกสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิด และสามารถตรวจค้นพบรถยนต์ของกลาง เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 66 ต่อมาในวันเดียวกัน นายสรศักดิ์ และ นายดนุชเดช ที่ถูกไล่ล่ากดดันอย่างหนัก จะเข้าแสดงตัวต่อตำรวจ   

ตำรวจจึงควบคุมตัวพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ดอนตูม ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนนายเป็น ที่กำลังหลบหนีอยู่ ตำรวจจะได้ไล่ล่ากดดัน เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป
นายเอ็ม พี่ชายนายเบ็น เข้ามอบตัวที่ สภ.ดอนตูม

พล.ต.ท.ธนายุตม์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจได้ออกหมายจับเเล้ว 3 - 4 คน เเละจะออกหมายเรียกอีก 30 คน ที่ร่วมก่อเหตุทั้ง 2 ฝ่าย ที่เป็นกลุ่มตามซุ้มไก่ชน ทั้งซุ้มญาดา เเละซุ้มที่ผู้เสียชีวิตสังกัดอยู่ ยืนยันว่า จะจับให้หมด เเละได้กำชับชุดสืบสวนว่า เหตุการณ์เเบบนี้ จะไม่เกิดขึ้นอีกในพื้นที่จังหวัดนครปฐม 

สำหรับปืนเป็นของนายเอ็ม ที่ยึดมาตรวจสอบว่า ได้มาในการครอบครองอย่างไร ส่วนตัวนายเบ็น ยังพกอาวุธปืนอยู่ ส่วนสาเหตุที่ยังจับไม่ได้ เกิดความคลาดเคลื่อนกันของตำรวจ ที่กำลังตรวจสอบว่า อยู่ในเครือข่ายผู้มีอิทธิพลหรือไม่ เเต่ยืนยันว่า หนีไม่รอดแน่นอน
ภาพวงจรปิดขณะเกิดเหตุ

เเม่เบ็นโวย ยืนยันครอบครัวหากินสุจริต ไม่มีผู้มีอิทธิพลหนุนหลัง 

ขณะที่แม่และพ่อของนายเบ็น ที่เดินทางมาที่ สภ.ดอนตูม พร้อมทนายความ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมให้ครอบครัว หลังตำรวจไปตรวจค้นที่บ้าน และยึดปืนมาตรวจสอบ ซึ่งแม่นายเบ็นบอกว่า ปืนที่ตำรวจนำมาแถลงข่าวในวันนี้ ไม่ใช่ปืนที่ใช้ก่อเหตุ แต่เป็นปืนของนายเอ็ม ลูกชายคนโต เป็นปืนมีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย 

ส่วนนายเอ็ม ก็เข้ามอบตัวกับตำรวจเอง ไม่ได้ถูกจับกุมตามที่เป็นข่าว ขณะที่นายเบ็น ตอนนี้ตนพยายามติดต่ออยู่ ยังไม่รู้เหมือนกันว่า ลูกชายไปอยู่ที่ไหน ขอเวลา 3 - 4 วัน ถ้าลูกชายติดต่อมา จะรีบพามามอบตัวกับตำรวจ

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า นายเบ็น มีผู้มีอิทธิพลคอยหนุนหลัง ประเด็นนี้ไม่เป็นความจริง ยืนยันว่า ครอบครัวประกอบอาชีพสุจริต ขายส่งเนื้อหมูสดมาหลายปีแล้ว ทั้งนี้ตนอยากไปขอโทษและขอขมาต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต แต่ตอนนี้ขอเวลาทำใจก่อน เพราะต้องตามหานายเบ็น และเลี้ยงหลายวัย 7 เดือนด้วย
แม่ของนายเบ็น มาบแค
 

logoline