
สาส์นจากฮ่องกงส่งตรงถึงเมืองไทย ใจความสำคัญ คือ การสืบพบขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ และเป็นที่คาดการณ์ว่า กุญแจสำคัญของเครือข่ายเป็นหญิงไทย คอยทำหน้าที่ประสานติดต่อ และเป็นธุระจัดหา ล่อลวงหญิงร่วมชาติส่งไปบังคับค้ากามที่เกาะฮ่องกง จนกลายเป็นปัญหาที่ไม่อาจมองข้าม
หลังทราบเรื่อง พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. ในฐานะแม่ทัพหน่วยงานผู้รับผิดชอบโดยตรงเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้ จึงไม่อาจนิ่งเฉย จัดกองกำลังลงพื้นที่เร่งสืบหาเบาะแสในทันที โดยมีการประสานข้อมูลร่วมกับตำรวจฮ่องกงอยู่ตลอดเวลาจนในที่สุดสามารถตามจับกุม น.ส.คชาภา อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาในคดีนี้ ได้ที่ ต.แสนตอ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา
เค้นถามผู้ต้องหารายนี้ ทราบว่า เจ้าตัวจะทำหน้าที่ล่อลวงหญิงไทย ส่งไปให้กลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ที่ฮ่องกง เพื่อแลกกับเงินส่วนแบ่งค่านายหน้า จำนวน 10,000 บาท ต่อคน ส่วนเหยื่อหญิงสาวที่หลงเชื่อเมื่อเดินทางไปถึงก็จะถูกกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ที่ฮ่องกง บังคับให้ยอมขายเรือนร่างให้กับลูกค้า
หลังข้อมูลเป็นที่แน่ชัด ทางตำรวจฮ่องกง จึงเร่งเข้าให้การช่วยเหลือเหยื่อหญิงไทยเหล่านี้ในทันที ก่อนประสานส่งตัวกลับมายังประเทศไทยโดยปลอดภัย และได้รับการคุ้มครองช่วยเหลือตามกฎหมาย นับเป็นภารกิจที่ทั้งสองประเทศจับมือกันช่วยกันคลี่คลายลงได้สำเร็จ
จากปฏิบัติการทลายเครือข่ายค้ามนุษย์ข้ามขาติดังกล่าวนั้นเอง จึงนำมาสู่ปฐมบทของการจัดโครงการประชุมหารือแลกเปลี่ยนความร่วมมือต่อต้านการค้ามนุษย์ข้ามชาติ ณ Kowloon West Regional Police Headquarters ในห้วงวันที่ 20-22 ก.ย.2566 ที่ผ่านมา เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีก โดยมี พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล รอง ผบก.ปคม. เป็นตัวแทนนำข้าราชการตำรวจในสังกัด บก.ปคม. เข้าร่วมหารือ
พ.ต.อ.มารุต กล่าวถึงการประชุมแลกเปลี่ยนความร่วมมือในการต่อต้านการค้ามนุษย์ข้ามชาติครั้งนี้ว่า นับเป็นประสบการณ์ที่ดี ทำให้เราได้ความรู้และข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย เพราะในการประชุมมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับกระบวนการคัดกรอง ช่วยและคุ้มครองเหยื่อจากการค้ามนุษย์ กับทางหน่วย OCTB (Organizer Crime And Triad Bureau) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับคดีค้ามนุษย์ของเขตปกครองพิเศษฮ่องกงพอสมควร
“การประชุมทำให้เราได้รับทราบถึงสภาพปัญหาการค้ามนุษย์ในปัจจุบัน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เราสามารถนำกลับมาปรับประยุกต์ใช้กับการทำงานของเราได้ โดยเฉพาะกระบวนการคัดแยกเหยื่อ แม้ว่ากลวิธีขั้นตอนการทำงานของตำรวจฮ่องกงจะแตกต่างกับการทำงานตำรวจไทยก็ตาม”
พ.ต.อ.มารุต กล่าวอีกว่า ปัจจุบันเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ถูกจัดระดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ (TIP) อยู่ในระดับ Tier 2 เช่นเดียวกับประเทศไทย โดยเหยื่อจากการค้ามนุษย์ส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคแรงงานที่ถูกหลอกลวงให้มาทำงานในกาสิโน หรือที่เรียกว่า ‘อาชีพในฝัน’ ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมื่อเปรียบเทียบรูปแบบการกระทำผิดคดีค้ามนุษย์ ของไทย และ ฮ่องกง จะพบว่ารูปแบบการกระทำผิดจะแตกต่างจากของไทย โดยฮ่องกง จะแบ่งออกเป็น 5 รูปแบบหลักๆ ได้แก่ การบังคับค้าประเวณี การตัดอวัยวะ การเป็นทาส การบังคับใช้แรงงาน การล่วงละเมิดทางร่างกายหรือทางเพศ
ส่วนของไทยหลักๆจะมี 8 รูปแบบ ได้แก่ การค้าประเวณี การผลิตหรือเผยแพร่สื่อลามก การหาประโยชน์ทางเพศรูปแบบอื่น การเอาคนมาเป็นทาส การนำคนมาขอทาน การตัดอวัยวะเพื่อการค้า การบังคับใช้แรงงานหรือบริการ และ การขูดรีดหรือกระทำกับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี
พ.ต.อ.มารุต ยังเผยถึงประสบการณ์เยือนฮ่องกงอีกด้วยว่า การเดินทางไปครั้งนี้ นอกจากการประชุมหารือร่วมหน่วย OCTB (Organizer Crime And Triad Bureau) แล้ว ตำรวจ ปคม. ยังได้รับเกียรติเข้าศึกษาดูงานที่หน่วย Emergency Unit Kowloon West หรือ หน่วยปฏิบัติการพิเศษประจำเขตเกาลูนตะวันตก อีกด้วย โดยได้รับการประสานความร่วมมือจากกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศของไทย
“นอกจากนี้ยังได้เข้ารับชมการสาธิตยุทธวิธีต่างๆของตำรวจฮ่องกง โดยการจำลองเหตุการณ์ต่างๆขึ้นมา อาทิ ยุทธวิธีการเข้าช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวและถูกทำร้ายร่างกาย พร้อมขั้นตอนการจับกุม รวมถึงยุทธวิธีติดตามจับกุมคนร้ายก่อเหตุปล้นทรัพย์ขับรถหลบหนี และเยี่ยมชมอาวุธและอุปกรณ์ประจำหน่วยที่ใช้ในการปฏิบัติภารกิจประจำวัน ซึ่ง บก.ปคม. เองถือเป็นหน่วยงานตำรวจไทยหน่วยงานแรก ที่ได้เดินทางมาศึกษาดูงานที่ EU KW แห่งนี้อีกด้วย” รอง ผบก.ปคม. กล่าวทิ้งท้าย
อย่างไรก็ตามจากเรื่องราวที่ไล่เรียงมาทั้งหมดนี้ นับเป็นเรื่องราวดีๆที่มีให้กันของผู้บังคับใช้กฎหมายทั้ง 2 ประเทศ ส่วนจะสามารถนำความรู้ที่ได้เหล่านี้มาปรับใช้ในการสืบสวน สอบสวน ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ในอนาคตได้มากน้อยเพียงใดไม่มีใครตอบได้ กาลเวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์
รายงาน : เฉลิมวุฒิ พึ่งวงษ์ญาติ