
จากคดีเศร้าสลดหดหู่ใจ จากเหตุความรุนแรงในครอบครัว นายส่องศักดิ์ หรือเอ็ม ส่งแสง อายุ 47 ปี ลงมือทำร้ายลูกชาย ลูกสาว ตัวเองจนเสียชีวิต และให้ภรรยาตัวเองนำร่างเด็กไปทิ้งไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ และใช้ชีวิตตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลายคนสงสัยว่านายส่องศักดิ์ มีปมในอดีตจากอะไร
ตำรวจได้สอบรายละเอียดความเป็นไปเป็นมาในอดีต เพื่อจะหาแรงจูงใจว่า นายส่องศักดิ์ ลงมือทำร้ายลูกตัวเองเพราะอะไรกันแน่ ซึ่ง จากการสอบปากคำอย่างละเอียดพบว่า นายส่องศักดิ์ นั้นมีภรรยาหลายคน แต่ระหว่างที่อยู่กินกับน.ส.เจษฎา มีเพียร และมีบุตรด้วยกันถึง 5 คน โดย 4 คนเป็นลูกชาย จะมีเพียง ด.ญ.วิญาดา ซึ่งเป็นลูกสาว ทั้งสองคนแม่ลูก มักจะถูกนายส่องศักดิ์ทำร้ายร่างกายเป็นประจำ ไม่ว่าจะถูกตีด้วยมือ หรือถูกไม้แขวนเสื้อตีตามร่างกาย และยังเคยถูกจับหัวกดน้ำ ใช้มีดหรือไขควงลนไฟแล้วนำมาจี้ตามร่างกาย หนักสุดใช้ไฟแช็คลน
“สาเหตุที่เขาทำแบบนี้ อ้างว่ามาจากความหึงหวง และรู้ขัดใจที่น.ส.เจษฎา ไม่ทำตามคำสั่งของตัวเอง ส่วนที่ต้องลงมือทำร้ายลูกตัวเองไปด้วย เพราะทนเสียงร้องเด็กไม่ได้ เวลาได้ยินเสียงร้อง จะทำให้เกิดอารมณ์โมโห ฉุนเฉียวทุกครั้ง”
ไม่เพียงเท่านั้น นายส่องศักดิ์ ยังต้ดพ้อทำนองว่า ชีวิตตัวเองต้องเจอกับชะตากรรมที่ลำบาก หางานทำไม่ได้ ด้วยข้ออ้างที่ว่ามีประวัติ อาการป่วยทางจิต เมื่อได้ยินเสียงร้องของลูกที่เกิดจากความหิว และตัวเองไม่มีเงินที่จะไปซื้อนม ซื้ออาหารมาให้ลูก ทำให้เกลียดเสียงร้องของลูก
เมื่อสอบถามรายละเอียดลึกลงไป พบว่า ด.ญ.วิภาดา ถือได้ว่าเป็นลูกสาวที่รอดพ้นชะตากรรมมาได้นั้นเป็นเพราะว่า ในช่วงวัยแบเบาะ ได้มีการนำไปส่งให้พ่อตาเลี้ยงจนโตในระดับหนึ่ง จึงถูกส่งกลับมาอยู่กลับนายส่องศักดิ์ ทำให้รอดพ้นไม่เสียชีวิตในช่วงวัยเด็กเหมือนลูกชายทั้ง 4 คน ทำร้ายลูกตัวเองต่อหน้าเมียตัวเองทำไมยังทนอยู่ด้วยกัน เพราะการลงมือแต่ละครั้ง ตำรวจได้มีการจำลองเหตุการณ์ให้นายส่องศักดิ์ ทดลองลงมือตีเด็ก จากการทดสอบพบว่า “มือหนักมาก”
“น.ส.เจษฎา ทนอยู่กับนายส่องศักดิ์ แม้ว่าจะถูกทำร้ายก็ตามเป็นเพราะว่า เป็นรักแรก ที่ผ่านมาในอดีตไม่เคยมองชายคนอื่นเลย ไม่เคยสนใจใคร จึงต้องจำใจทนอยู่กับนายส่องศักดิ์ แม้ว่าจะถูกตำหนิในเรื่องการร่วมหลับนอน ด้วยเหตุที่ทำหมัน จนทำให้นายส่องศักดิ์ต้องไปมีผู้หญิงอีกคน”