svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

บิ๊กโจ๊ก ขยายผลจับเครือข่ายค้ามนุษย์ หลอกหญิงไทยค้าบริการที่เมียนมา

24 กุมภาพันธ์ 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

บิ๊กโจ๊ก-ปวีณา แถลงผลจับกุมขบวนการพาหญิงไทยไปหลอกค้าประเวณียังเมืองล็อกกิ่ง ประเทศเมียนมา อ้างใช้เวลาทำงานไม่นาน รายได้สูง เดือนละ 5 หมื่นบาท แถมไม่มีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เร่งติดตามอีก 2 ที่ยังหลบหนี

24 กุมภาพันธ์ 2566 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี ร่วมกันแถลงผลการจับกุมขบวนการนำพาหญิงไทยไปหลอกค้าประเวณียังเมืองล็อกกิ่ง ประเทศเมียนมา

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2565 นางปวีณา ได้พาหญิงสาว 3 ราย อายุ 27 ปี 28 ปี และ 29 ปี ผู้เสียหายที่ถูกหลอกไปค้าประเวณีที่เมืองล็อกกิ่ง ประเทศเมียนมา แล้วได้รับความช่วยเหลือจนได้กลับมาประเทศไทยเข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพื่อขอให้ช่วยดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์กลุ่มนี้

ต่อมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการดำเนินการสืบสวนขยายผล จนสามารถขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในขบวนการนี้ได้จำนวน 8 ราย ในข้อหาร่วมกันเป็นธุระจัดหาฯ ในการค้ามนุษย์ ประกอบด้วย

1. น.ส.ศิลาณี ทำหน้าที่ชักชวนผู้เสียหายไปทำงานทีเมียนมา และเป็นผู้ติดต่อประสานให้ผู้เสียหายเข้าเมียนมาได้

2. น.ส.พิชญ์สินี ทำหน้าที่รับผู้เสียหายไปทำงานที่ร้านในประเทศเมียนมา

3. นายสมเกียรติ ทำหน้าที่พาผู้เสียหายไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ

4. นายชัชวีร์ ทำหน้าที่รับผู้เสียหายจากสนามบินเชียงใหม่ไปส่งที่ห้องพักในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

5. นายจายหาร สัญชาติเมียนมา ทำหน้าที่รับผู้เสียหายจากหมู่บ้าน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ไปส่งที่จุดข้ามชายแดนไปยังประเทศเมียนมาที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่

6. นายซ่า ทำหน้าที่พาผู้เสียหายลักลอบข้ามไปยังประเทศเมียนมา

7. นางโหย่ง ทำหน้าที่พาผู้เสียหายลักลอบข้ามไปยังประเทศเมียนมา

8. น.ส.อะเหลมะ ทำหน้าที่พาผู้เสียหายลักลอบข้ามไปยังประเทศเมียนมา

ตอนนี้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้แล้วจำนวน 6 ราย ส่วนอีก 2 ราย คือ น.ส.พิชญ์สินี และ น.ส.อะเหลมะ ยังคงหลบหนีการจับกุมอยู่ในประเทศเมียนมา

สำหรับพฤติการณ์ของขบวนการค้ามนุษย์นี้นั้น จะทำทีชักชวนผู้เสียหายทั้ง 3 ราย ให้ไปทำงานบริการนั่งดื่มกับลูกค้าที่เมืองล็อกกิ่ง ประเทศเมียนมา โดย น.ส.ศิลาณี เป็นผู้ชักชวน ซึ่งอ้างว่าใช้เวลาทำงานไม่นาน มีรายได้สูง เดือนละ 50,000 บาท และไม่มีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

เมื่อตกลงกันได้แล้ว น.ส.ศิลาณี จะพาผู้เสียหายไปพักที่หอพักแห่งหนึ่งใน อ.พานทอง จ.ชลบุรี ก่อนที่นายสมเกียรติ ซึ่งเป็นแฟนของ น.ส.ศิลาณี จะนำไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางต่อไปยังสนามบินเชียงใหม่ โดยมีนายชัชวีร์ เป็นผู้รับผู้เสียหายจากสนามบินเชียงใหม่ไปส่งที่ห้องพักในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ โดยพักอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 1 คืน

จากนั้นวันถัดไป นายจายหาร จะเดินทางมารับผู้เสียหายจากหมู่บ้านอรุโณทัย ไปส่งที่บริเวณชายแดนประเทศไทย - เมียนมา ที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ โดยมีนายซ่า นางโหย่ง และ น.ส.อะเหลมะ ซึ่งเป็นชาวเขา รอรับที่บริเวณริมชายแดน ก่อนเดินข้ามช่องทางธรรมชาติเข้าไปยังประเทศเมียนมา หลังจากนั้นก็จะมีกลุ่มชาวเมียนมาและอินเดีย มารับช่วงต่อพาผู้เสียหาย ไปส่งที่ร้านคาราโอเกะในเมืองล็อกกิ่ง ใช้เวลาเดินทางกว่า 6 วัน 5 คืน โดยมี น.ส.พิชญ์สินี เป็นผู้ดูแลร้านและคนที่มาทำงานที่ร้านดังกล่าว

จากนั้นผู้เสียหายจะถูกบังคับให้ค้าประเวณีแก่ลูกค้าในร้าน โดยระหว่างที่อยู่ในร้านจะมีกลุ่มชายติดอาวุธเฝ้าอยู่ตลอดเวลา ซึ่งผู้เสียหายทราบภายหลังว่า น.ส.ศิลาณี จะได้ค่านายหน้าในการพาผู้เสียหายมาทำงานดังกล่าว ผู้เสียหายจึงได้ประสานขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณา ตำรวจและทหารไทยจนสามารถหลบหนีบกลับมายังประเทศไทยได้อย่างปลอดภัย

บิ๊กโจ๊ก ขยายผลจับเครือข่ายค้ามนุษย์ หลอกหญิงไทยค้าบริการที่เมียนมา

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ความสำเร็จจากการทำงานร่วมกันครั้งนี้ ตนจะนำไปแถลงผลการดำเนินการปราบปรามการค้ามนุษย์ต่อวุฒิสภาสหรัฐ  โดยคาดหวังว่า ประเทศไทยจะได้รับการประเมินสถานการณ์ค้ามนุษย์ เลื่อนขั่นจาก Tier 2 ขึ้นสู่ Tier 1 ได้ในปีนี้ พร้อมทั้งฝากเตือนประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อการชักชวนไปทำงานในต่างประเทศ เพราะอาจเป็นการหลอกลวงค้ามนุษย์ ขอให้เช็คกับทางกระทรวงแรงงาน และย้ำว่าตำรวจไทยดำเนินการอย่างเต็มที่ในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์

บิ๊กโจ๊ก ขยายผลจับเครือข่ายค้ามนุษย์ หลอกหญิงไทยค้าบริการที่เมียนมา
ด้าน นางปวีณา ระบุว่า ยังพบชาวไทยตกเป็นเหยื่อในหลายพื้นที่ที่ประเทศเมียนมา ซึ่งบางพื้นที่อยู่ในภาวะสงคราม ยากต่อการเข้าไปช่วยเหลือ แต่ก็ได้เตรียมข้อมูลประสานให้แก่ตำรวจแล้ว

logoline