เปิดอีกคดี ปคบ.ส่งฟ้อง "เม พรีมายา" ขายอาหารเสริมใส่สาร "ไซบูทรามีน"
ผู้กำกับการ 4 บก.ปคบ. เปิดเผยความคืบหน้า "เม พรีมายา" ถูกจับปมอาหารเสริมพบสาร "ไซบูทรามีน" ขณะนี้มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาแล้ว และคดีความอยู่ในกระบวนการของชั้นศาล
จากกรณี "เม พรีมายา" น.ส.พิชญ์นรี ตันติวิทย์ CEO พรีมายา เจ้าของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้ชื่อแบรนด์ PRIMAYA (พรีมายา) ถูกศาลจังหวัดนนทบุรี ออกหมายจับในฐานความผิด โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน หลังมีการโพสต์ข้อความอันเป็นเท็จผ่านโลกออนไลน์ ลักษณะเชิญชวนอ้างว่าลงทุน 6,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ได้เงิน 15 ล้านบาท
ต่อมา "เม พรีมายา" ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจไซเบอร์ โดยระบุว่า ต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ส่วนประเด็นการโฆษณาชวนเชื่อลงทุน 6,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ได้เงิน 15 ล้านบาท นั้น น.ส.พิชญ์นรี ระบุว่า ไม่ใช่โฆษณาคำชวนเชื่อ ทุกอย่างได้ให้การกับทางตำรวจแล้ว โดยธุรกิจของตัวเองไม่ได้สร้างเรื่องหลอกหรือชวนเชื่อแต่อย่างใด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
20 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบอีกคดีของ "เม พรีมายา" ซึ่งเป็นคดี ถูกจับกุมอาหารเสริมในปี 2564 และพบสารไซบูทรามีน ล่าสุด ตำรวจ ปคบ.ได้ส่งฟ้องคดีนี้ไปแล้ว
โดย พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผู้กำกับการ 4 บก.ปคบ. เปิดเผยว่า ในช่วงปี 2564 เจ้าหน้าที่ได้ทำการล่อซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัท พรีมายา ผ่านทางเฟซบุ๊ก จากการตรวจสอบพบว่า ผลิตภัณฑ์มีการแสดงฉลากไม่ถูกต้อง และเมื่อใช้ชุดตรวจเบื้องต้น ก็พบว่า มีสารต้องห้าม
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขอหมายค้นเข้าตรวจค้นบริษัทที่ จ.สมุทรปราการ เพื่อตรวจยึดผลิตภัณฑ์ และส่งตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2564 และต่อมาได้รับแจ้งผลตรวจว่า มีส่วนผสมของสารไซบูทรามีน ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภทที่ 1 จะมีฤทธิ์ทำให้ร่างกายไม่รู้สึกหิว
ต่อมาทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานการขออนุมัติศาลสมุทรปราการออกหมายจับกรรมการบริษัท 2 ราย คือ น.ส.พิชญ์นรี ตันติวิทย์ หรือเม กับนายสิทธานต์ สรรเสริญ หรือแซก ในข้อหา "ร่วมกันจำหน่าย และมีไว้เพื่อจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภทที่ 1 (ไซบูทรามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต"
พ.ต.อ.เนติ กล่าวอีกว่า จากการสอบสวนทั้งสองให้การปฏิเสธในชั้นจับกุม โดยอ้างว่า เป็นการว่าจ้างโรงงานแห่งหนึ่งทำการผลิต ในปัจจุบันทางบริษัท พรีมายา ไม่ได้ทำการว่าจ้างบริษัทดังกล่าวให้ทำการผลิตแต่อย่างใด
ส่วนความเรื่องคดีความนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา ในข้อกล่าวหา "ร่วมกันจำหน่าย และมีไว้เพื่อจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภทที่ 1 (ไซบูทรามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต" ไปแล้ว และคดีความอยู่ในกระบวนการของชั้นศาล
