16 ธันวาคม 2565 เมื่อเวลา 15.30 น. พ.ต.อ.วงกต สุวรรณวัฒน์ ผกก.สน.หลักสอง รับแจ้งเหตุยิงกันเสียชีวิต ภายในห้องปฏิบัติการพนักงานสอบสวน สน.หลักสอง จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พร้อมแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุอยู่ในห้องเลขที่ 202 ของโรงพัก เจ้าหน้าที่พบศพ นายคมสัน หรือ ม่อน อินทร์ฤทธิ์ อายุ 32 ปี อาชีพเจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์ ในสภาพนอนหงาย สวมเสื้อยืดแขนยาวสีม่วง นุ่งกางเกงยีนส์ขายาวสีดำ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าที่ตามลำตัว 5 นัด
นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บชื่อ นายอนุสร วิชาธร อายุ 33 ปี เป็นทนายความของผู้ตาย ถูกยิงเข้าที่แผ่นหลัง จำนวน 3 นัดอาการสาหัส ถูกนำตัวส่ง แพทย์ รพ.เกษมราษฎร์บางแค ไปก่อนหน้านี้ โดยในจุดเกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ตกเกลื่อนพื้นจำนวน 8 นัด จึง เก็บรวบรวมรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนมือปืนที่ก่อเหตุ เป็นคู่กรณีที่ถูกผู้ตาย ทำร้ายร่างกายบนท้องถนน เมื่อ 4 เดือนก่อนหน้านี้ ทราบชื่อคือ นายพีรสิน หรือ พี กุลชุติสิน อายุ 27 ปี อาชีพพ่อค้าขับรถส่งพริกและสินค้าทางการเกษตร ที่หลังเกิดเหตุ ได้หลบหนีไปพร้อมกับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ด้วยรถกระบะตีตู้ทึบ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่สีขาว ไม่ทราบทะเบียน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า น่าจะหลบหนีกลับไปบ้านพัก ที่ย่านถนนพระราม 2 ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างติดตามตัวไปจับกุมมาดำเนินคดี
สำหรับมูลเหตุที่เกิดขึ้นมาจาก เมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ นายพีรสิน มือปืนได้ขับรถกระบะคันดังกล่าวออกจากบ้านพักย่านพระราม 2 เพื่อไปรับสินค้าประเภทพริก ที่ถนนเพชรเกษม ย่านหลักสอง ขณะที่นายพีรสิน ก็กำลังขับรถจะนำสินค้ากลับบ้านพัก เพื่อรอเวลาไปส่งต่อให้กับลูกค้า ระหว่างที่ขับรถมาทางตรงเลนขวาสุด ช่วงระหว่างซอยเพชรเกษม 90 - 92 ได้มีรถของคู่กรณี ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ 5 ประตู ทะเบียนป้ายแดง ขับเข้ามาประกบจากทางด้านซ้าย และได้เปิดกระจกขว้างขวดใส่ตัวถังรถของ นายพีรสิน โดยไม่ทราบสาเหตุ นายพีรสิน จึงได้จอดรถ และเอื้อมมือไปหมุนกระจกฝั่งคนนั่งข้างลง เพื่อจะสอบถามว่า คู่กรณีแบบนี้ทำไม
จังหวะที่ นายพีรสิน เอี้ยวตัวไปรถกระจกลงนั้น ได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิป เอาไว้เพื่อเป็นหลักฐานด้วย แต่พอคู่กรณีเห็น จึงใช้ขวดเครื่องดื่มชูกำลังขว้างใส่เข้ามาในรถอีก 1 ครั้ง ทำให้ขวดกระแทกมือถือของ นายพีรสิน จนหล่นได้รับความเสียหาย ซ้ำร้ายในระหว่างที่ นายพีรสิน กำลังเอื้อมมือปิดกระจกฝั่งคนนั่งข้าง ๆ เพื่อเตรียมจะขับหลบหนีเพราะเห็นท่าไม่ดี
คู่กรณีได้ลงจากรถมาพร้อมเพื่อนผู้ชายที่นั่งอยู่เบาะหลังอีก 1 คน เข้ามารุมกระชากมือ นายพีรสิน ที่พยายามหมุนกระจกรถขึ้น ทำให้ลำตัวนายพีรสิน ที่ต้องเอี้ยวจากฝั่งคนขับ ถูกคนร้ายดึงโผล่ออกไปทางหน้าต่างประตูฝั่งคนนั่งข้าง ๆ ตามด้วยการถูกรุมทำร้าย ด้วยการใส่สนับมือชกต่อยที่ใบหน้าหลายครั้งจนได้รับบาดเจ็บ พลเมืองดีและหน่วยกู้ภัยต้องรีบนำตัวส่ง รพ.เกษมราษฎร์บางแค ให้แพทย์รักษาอาการดั้งจมูกหัก ฟันหัก 3 ซี่ เบ้าตาบวมปิดทั้ง 2 ข้าง และมีเลือดออกนัยน์ตาทั้ง 2 ข้าง อาการสาหัส
หลังเกิดเหตุญาติ ๆ นายพีรสิน ได้โพสต์ข้อความและคลิปผ่านทางโซเชียลเพื่อหาเบาะแส กระทั่งตำรวจติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้ คือ นายคมสัน หรือ ม่อน อินทร์ฤทธิ์ ผู้ตาย และวันนี้ (16 ธ.ค.) พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้เรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่าย มาตกลงกันที่โรงพัก โดยผู้ตายมาพร้อมกับ นายอนุสร วิชาธร อายุ 33 ปี ทนายความ เพื่อเจรจาชดใช้ค่าสินไหม ทั้งกรณีทำร้ายร่างกาย และกรณีรถเฉี่ยวชนกัน
ระหว่างที่ นายพีรสิน เรียกร้องค่าเสียหายทั้งสิ้นจำนวน 9 ล้านบาท ต่อหน้าพนักงานสอบสวน ปรากฏว่า ฝ่ายผู้ตายปฏิเสธ และยืนกรานไม่สามารถชดใช้ให้ได้ พนักงานสอบสวนจึงสรุปจะส่งสำนวนคดีฟ้องต่อศาล ทันใดนั้น นายพีรสิน ซึ่งทีแรกออกไปยืนสงบสติอารมณ์ ที่ด้านนอกห้องสอบสวน ก็เดินเข้ามาหาคู่กรณีและทนายความ ก่อนตะโกนถามว่า "แล้วมึงทำกูทำไม"
จากนั้นยกมือไหว้ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี พูดว่า "ผมขอโทษครับ" ก่อนจะชักอาวุธปืนขนาด 9 มม. ออกจากกระเป๋าสะพาย ซัลโวใส่คู่กรณี 8 นัด แล้วหลบหนีไป ซึ่งเกิดเหตุ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้เดินทางมาที่ สน.หลักสอง เพื่อควบคุมการสืบสวนด้วยตนเอง
เบื้องต้นอยู่ระหว่างนำกำลังเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่กดดันผู้ต้องหา เพื่อให้เข้ามามอบตัว มีรายงานด้วยว่า ขณะเกิดเหตุการณ์ นายคมสัน ผู้ตายได้พาภรรยา และลูกสาววัย 1 ขวบ มาที่โรงพัก และนั่งอยู่ในห้องพนักงานสอบสวนด้วย