รวบเอเย่นต์ค้ายารายใหญ่ สุดล้ำ ใช้รีโมทควบคุมสับเปลี่ยนทะเบียนรถ (ชมคลิป)

24 ตุลาคม 2565 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.โชคชัย นามวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วยพล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ภาณพ วรธนัชชากุล ผบก.สปพ. พ.ต.อ.เด่นหล้า รัตนกิจ ผกก.สายตรวจ บก.สปพ. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมของตำรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 ที่สามารถสืบสวนและติดตามจับกุมขบวนการค้ายาไอซ์​รายใหญ่ ในพื้นที่ภาคกลาง หลังขยายผลจากการจับกุมผู้ค้ายารายย่อย เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ว่ารับซื้อยาเสพติดมาจากกลุ่มของนายกิตติศักดิ์ หรือแชมป์ (ไม่ทราบนามสกุล) อายุ 33 ปี นายจักรพงษ์ หรือ แจ๊ค อายุ 33 ปี และนายสายชล หรือเต๋า โดยใช้รถเก๋ง ฟอร์จูนเนอร์​เป็นพาหนะ

ภายหลังได้ข้อมูลตำรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 ได้นำประวัติของผู้ต้องหาในคดียาเสพติดมาตรวจสอบ พร้อมให้ผู้ต้องหาหรือผู้ค้ายารายย่อยชี้ตัว และติดตามความเคลื่อนไหวของนายกิตติศักดิ์ มาโดยตลอดจนทราบว่า นายกิตติศักดิ์กับพวก ซึ่งประกอบด้วย นายกิตติศักดิ์ และนายจักรพงษ์ ได้เช่าบ้านหรูในพื้นที่จังหวัดนนทบุรีถึง 2 หลัง

โดยหลังแรกผู้ต้องหา ใช้เป็นที่อยู่อาศัยและสถานที่ทำงาน ส่วนอีกหลังมีลักษณะผิดปกติ คล้ายเป็นจุดพักยา ตำรวจจึงเข้าทำการตรวจค้น บ้านหลังหนึ่งภายในหมู่บ้านย่านบางใหญ่ ตำบลเสาธงหิน อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี  ระหว่างที่เข้าตรวจค้นพบว่าทั้ง 3 คนกำลังวางแผนส่งยาให้กับผู้ค้ารายย่อยอยู่  ตรวจค้นภายในบ้านพัก พบอาวุธปืนสงคราม 1 กระบอก ปืนยาว 1 กระบอก และปืนสั้นอีก 1 กระบอก

จากการสอบสวน นายกิตติศักดิ์ และเพื่อนอีก 2 คนรับสารภาพว่า บ้านหลังดังกล่าว ใช้เป็นจุดบัญชาการรับคำสั่งส่งยาจากนายทุนและเป็นสถานที่วางแผนการส่งยาให้กับลูกค้า ส่วนบ้านอีกหลัง ย่านประชาอุทิศ ตำบลบางแม่นาง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ใช้เป็นคลังเก็บยาเสพติด ก่อนนำตำรวจเข้าทำการตรวจค้นพบเฮโรอีน 120 แท่ง ยาไอซ์น้ำหนัก 162 กิโลกรัม รวมถึงวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 เคตามีน 97 กิโลกรัม

นายกิตติศักดิ์  ยังยอมรับว่า ยาดังกล่าวรับมาจากพื้นที่ภาคเหนือ ก่อนถูกลำเลียงส่ง ให้กับตน ได้รับค่าจ้างเดือนละ 200,000 บาท และทำมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม จนถึงปัจจุบัน รับยามาแล้ว 4 ครั้ง ส่วนการส่งยากับผู้ค้ามีการส่งต่อกันมา

สำหรับขบวนการค้ายารายนี้  ใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะในการขนส่งยา และมีการตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยวิธีการสลับทะเบียนรถ โดยใช้รีโมทคอนโทรลในการควบคุม กลับเปลี่ยนป้ายทะเบียน เพื่อหลบหนีการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ตำรวจชุดจับกุม ยอมรับว่า วิธีการใช้เทคโนโลยีรีโมท พลิกกลับเปลี่ยนป้ายทะเบียนรถ เริ่มถูกนำมาใช้มากขึ้น ในหมู่ของผู้ก่อคดีอาชญากรรม โดยเฉพาะขบวนการค้ายาเสพติด เมื่อสอบถามผู้ต้องหายอมรับว่า สั่งซื้อ ระบบพลิกกลับเปลี่ยนป้ายทะเบียนมาจาก เว็บไซต์สินค้าออนไลน์ ในราคา 30,000 บาทก่อนนำมาติดตั้งกันเอง

ทั้งนี้การปรับเปลี่ยนป้ายทะเบียนมีความผิดในข้อหาปลอมและใช้เอกสารปลอมและผิดตามพ.ร.บ.ขนส่งทางบก เรื่องการเปลี่ยนแปลงแก้ไขทะเบียน และมีข้อสังเกตทะเบียนจริงจะมีตรา ขส. ซึ่งเป็นตราเฉพาะจะถูกปั๊มนูนติดอยู่บนป้ายทะเบียน หลังจากนี้ตำรวจจะเพิ่มความเข้มในการตรวจสอบป้ายทะเบียนรถมากยิ่งขึ้น หากพบว่ามีการติดตั้งปลอมแปลงทะเบียนจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจังต่อไป