พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีดาบตำรวจ สภ.ปากเกร็ด ขโมยปืนของหลวง กว่า 100 กระบอก แล้วหลบหนีไป ว่า ขณะนี้สามารถจับกุมตัว ดาบตำรวจ เชาวลิต พุ่มขจร ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรีได้แล้วที่ ต.หนองคาย ซึ่งหลังจากที่ผู้กำกับทำการตรวจสอบและพบว่าอาวุธปืนหายไป ทำให้ดาบตำรวจไหวตัวทัน และเดินทางไปหนองคายเมื่อวานนี้ และวันนี้กำลังจะข้ามไปเวียงจันทน์ จึงได้ประสานกรมการกงศุลให้ยกเลิกพลาสปอร์ต และพบว่าไปหลบที่รีสอร์ทแถวสะพานมิตรภาพฯ จึงได้นำกำลังเข้าไปจับกุม และกำลังนำเข้ามาทำการสอบสวนที่สโมสรตำรวจ ซึ่งตำรวจคนนี้ ได้รับผิดชอบคุมคลังอาวุธ โดยกรณีนี้เกิดจากการที่ผู้บังคับบัญชา หละหลวมไม่ได้ใส่ใจ จึงถูกนำปืนไปขายพร้อมกระสุน เบื้องต้น ยังพบว่ากระทำเพียงคนเดียว แต่จะต้องทำการตรวจสอบก่อน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบพบว่า ดาบตำรวจได้นำอาวุธปืนที่ขโมยไป ทั้งปืนสั้นและปืนยาว รวมถึงระเบิด ไปขายให้กับกลุ่มบุคคล 8-9กลุ่ม ซึ่งจะต้องทำการตรวจสอบว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าว เป็นกลุ่มบุคคลลักษณะใดที่ทำการรับซื้อไป และจะต้องดำเนินคดีด้วย เพราะหากไปขายให้กับคนไม่ดีก็อาจจะนำอาวุธปืนไปก่อเหตุได้ ซึ่งการก่อเหตุมีหลายหลายรูปแบบ เช่น การไปเป็นมือปืนรับจ้าง เพราะช่วงนี้ใกล้ช่วงเลือกตั้งด้วย รวมถึงเร่งติดตามปืนของหลวงกลับมาด้วย ทั้งนี้ยังพบข้อมูลจากผู้บังคับบัญชาอีกว่า ดาบตำรวจคนดังกล่าว ติดการพนัน ได้ปืนมาก็นำไปขายทันที ไม่ได้มีลักษณะเป็นใบสั่ง ซึ่งมูลค่ารวมแล้ว หากคำนวนในราคาขั้นต่ำในราคาราชการ ไม่ต่ำกว่า3ล้านบาท ส่วนระยะเวลาที่ขโมยปืนออกไปกว่า 100 กระบอกใช้เวลากี่เดือนนั้นจะต้องทำการสอบปากคำก่อน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ได้มีการทำหนังสือกำชับไปแล้วในการตรวจสอบ และหากพบว่า ผู้กำกับคนไหนมีความบกพร่อง ก็จะมีหนังสือสั่งย้ายทันที พร้อมยอมรับว่า วันนี้ความเชื่อมั่นของประชาชนอาจจะไม่ไว้วางใจ แต่ตำรวจก็ต้องทำให้มีหลักเกณฑ์ กติกา ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ เมื่อบกพร่องต้องลงโทษตามข้อเท็จจริง