"ผบ.ทบ." เคลียร์ปมหักหัวคิวกู้บ้านสวัสดิการ ทบ.-ขอหลักฐานทนายถูกทหารคุกคาม

พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงปัญหาการกู้เงินซื้อบ้านกับสวัสดิการกองทัพบก หลังผู้ประกอบการยื่นหนังสือที่กระทรวงกลาโหม ว่า เรื่องเงินกู้ในโครงการกู้ยืมออมทรัพย์ข้าราชการกองทัพบก (อทบ.) เพื่อการเคหสงเคราะห์ ของสหกรณ์ออมทรัพย์ในส่วนของกองทัพบก ได้ดำเนินการสอบสวนเรียบร้อยแล้ว โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ขณะนี้กองทัพบกกำลังรวบรวมรายละเอียดเพื่อรายงานกระทรวงกลาโหม ซึ่งจากที่กองทัพบกได้สอบสวนพบว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่ใช่องค์กรหรือหน่วยงานเป็นผู้กระทำ ขณะที่ผู้ที่ได้รับผลกระทบได้ร้องเรียน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) และมีการดำเนินคดีในขั้นตอนของศาลแล้ว ถือเป็นเรื่องการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยกองทัพบกพร้อมสนับสนุนข้อมูลเพิ่มเติม 

ผบ.ทบ. ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ และผู้ประกอบการ ถูกคุกคาม ว่า หากเป็นเรื่องจริง ก็ต้องไปแจ้งความดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการ ถ้าระบุได้ว่า กำลังพลคนไหนคุกคาม และมีหลักฐาน ก็ให้มายื่นที่กองทัพบก ตนจะให้ความเป็นธรรม และดำเนินการกับกำลังพลคนนั้น

ส่วนที่ทนายและผู้ประกอบการ มีรายชื่อของผู้เสียหายและรายชื่อผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากการหักหัวคิวนั้น  พลเอก ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ก็ให้นำรายชื่อเหล่านี้ไปให้ดำเนินการทางกฎหมาย ซึ่งตนก็ไม่เห็นว่ามีใครบ้าง เพราะในส่วนของตนก็สอบสวนในส่วนที่เกี่ยวข้อง และถ้าเรื่องถึงขั้นฟ้องศาลก็เป็นเรื่องของเขา กองทัพบกก็จะใช้โอกาสนั้นในการชี้แจง 

ส่วนที่อ้างว่ามีทหารกว่า 40 คน เข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ผบ.ทบ. กล่าวว่า คำว่า ทหารในส่วนของกองทัพบก ก็ดำเนินการในส่วนของกองทัพบก หากเป็นทหารในส่วนอื่น ส่วนที่เกี่ยวข้องก็ไปดำเนินการ สำหรับที่บอกว่า 40 คนได้ดีการเลื่อนยศขึ้นนั้น ขอถามว่าคนไหน ตนยังไม่ทราบ เพราะไม่เห็นรายชื่อก็บอกไม่ได้ ก็ต้องดูว่ารายชื่อที่เขากล่าวอ้างนั้นเป็นกำลังพลของกองทัพบกหรือไม่ เราต้องว่ากันตามหลักฐาน ไม่ใช่การกล่าวหา 

เมื่อถามว่า ผบ.ทบ. ยืนยันได้หรือไม่ ว่ามีไม่มีการหัก 5% เข้ากรมสวัสดิการกองทัพบก ผบ.ทบ. กล่าวว่า  ต้องเข้าใจว่าโครงการบ้านนั้น กองทัพบกไม่ได้เป็นผู้สร้าง แต่ อทบ. ของกองทัพบกมีไว้ให้กำลังพลมากู้เงินและไปซื้อบ้าน ดังนั้นเป็นการตกลงกันระหว่างคนซื้อ กับเจ้าของโครงการ ไม่ใช่ว่ากองทัพบกเป็นผู้สร้างขึ้นมา 

ส่วนจะแก้ไขอย่างไร เพราะกำลังพลต้องกู้เงินไปซื้อบ้านเรื่อยๆ ผบ.ทบ. ย้ำว่า ไม่มีแล้ว เรายอมรับว่าตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ที่โครราช กองทัพบกก็ได้รับทราบว่ามีปัญหา และ พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ในขณะนั้น ก็บอกว่า โครงการนี้เราต้องยุติ เพราะมีปัญหา ก็ยุติมาตั้งแต่ปี 2564 และมีการผ่านคณะกรรมการฯ ก่อนที่ พลเอก อภิรัชต์ จะเกษียณได้เซ็นเอ็มโอยูกับธนาคารกรุงไทยและออมสิน อย่างที่ตนบอกว่าโครงการบ้านเหล่านี้ กองทัพบกไม่ได้เป็นคนสร้าง เป็นคนภายนอก กำลังพลต้องไปกู้กับธนาคาร ซึ่งขณะนี้ไม่มีการกู้กับกองทัพบกมาตั้งแต่ต้นปี 2564 

เมื่อถามว่า ในส่วนของทหารที่เกี่ยวข้อง ที่บอกว่ามีการตั้งคณะกรรมการสอบแล้วนั้นมีจำนวนกี่คน และมีรายชื่อใดบ้าง ผบ.ทบ. ยืนยันว่า มีการลงโทษไปแล้วหลายคน ที่เกี่ยวข้องกับกองทัพบก และยังรับราชการในกองทัพบก และจะทำรายงานไปถึงกลาโหม ซึ่งกระทรวงกลาโหมก็ต้องไปดูว่ากองทัพบกดำเนินการอย่างไร ส่วนทหารส่วนอื่นก็เป็นเรื่องของกระทรวงกลาโหม จะไปดำเนินการ 

ถามย้ำว่า ต้องแก้ไขระเบียบหรือไม่ เพราะมีการลงโทษสถานเบาแค่ให้งดบำเหน็จและเอาออกจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. กล่าวว่า เราดำเนินการว่าด้วยระเบียบกฎหมายของทหารในเวลานั้น ส่วนในอนาคตจะต้องมาพิจารณาเป็นเรื่องๆ เพราะระเบียบกฎหมายของทหารเป็นจำนวนมาก ซึ่งต้องมีการปรับเปลี่ยนตามห้วงเวลาอยู่แล้ว เพื่อให้ทันต่อสภาพแวดล้อม 

เมื่อถามว่า นายกฯ ได้กำชับอะไรหรือไม่ ผบ.ทบ. กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติของทุกองค์กรที่จะต้องมีปัญหา และเมื่อมีปัญหาก็ต้องแก้ไขให้ได้แค่นั้นเอง ไม่ใช่ว่าองค์กรเป็นคนทำ ยืนยันว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ไปตกลงกันเอง 

ส่วนกรณีที่คณะกรรมาธิการฯ จะเชิญไปชี้แจงนั้น ตนก็จะให้หน่วยที่รับผิดชอบไปชี้แจง อย่างไรก็ตาม ไม่ได้รู้สึกกังวลในกรณีที่เกิดขึ้น