จากกรณี นักธุรกิจสาว สร้างบ้านขายให้กำลังพล กองทัพบก หอบหลักฐานร้องเลขาฯ รมว.ยุติธรรมขอเข้าโครงการคุ้มครองพยาน หลังถูกข่มขู่ถึงชีวิต
ด้าน นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ ได้เปิดเผยว่า ระหว่างที่ตนกระทำเรื่องนี้ได้มีการติดต่อมาจากนายทหาร ในลักษณะที่ไม่ใช่การเจรจา ซึ่งตนมองว่าเรื่องนี้ไม่ทำไม่ได้ เพราะต้องการให้ผู้ใหญ่ในบ้านในเรื่องรับรู้และช่วยแก้ไขปัญหาด้วย เพราะเงินจำนวน 3-4 แสน สำหรับบางคนอาจจะไม่มาก แต่สำหรับพลทหารตัวเล็กๆเขาสามารถนำไปใช้เลี้ยงดูพ่อ-แม่ ภรรยา และลูก
“การที่เอาเงินเขาไป และให้เขารับใช้หนี้ มันเป็นเรื่องไม่ยุติธรรม นอกจากนี้ผมถือว่าการออกมาครั้งนี้ยังเป็นการช่วยกองทัพด้วย เพื่อรื้อปัญหาที่มันอยู่ใต้พรมมานานให้ได้รับการแก้ไข ปัญหาที่เกิดขึ้นเหล่านี้ สร้างความกดดันให้กับทหารผู้น้อย จนเกิดเหตุการณ์บานปลายที่ร้ายแรงยิ่งกว่า และยังเป็นการชี้แจงให้พลทหารอีกหลายคนที่ไม่ได้เงินส่วนต่างในการกู้ยืมนั้น เเพราะเงินจำนวนดังกล่าวไม่ได้อยู่ที่ผู้ประกอบการ แต่กลับไปอยู่ในจุดอื่นๆ การกระทำแบบนี้ในสังคมไทยต้องยอมรับว่ามันฝั่งรากลึกมานานแล้ว” ทนายไพศาล กล่าว
นายไพศาล ระบุอีกว่า ที่ตนต้องออกมาเปิดเผยเรื่องดังกล่าวให้เห็นชัดเจน อาจจะแก้ปัญหาไม่ได้ 100% แต่ให้เป็นลักษณะป้องปราม ให้เรื่องเหล่านี้ในสังคมไทยมันเกิดยากขึ้นจะดีกว่า ซึ่งหลังจากนี้ตนจะไปยื่นเรื่องต่อกระทรวงกลาโหมก่อน ส่วนจะยื่นเรื่องถึงสภาหรือไม่ขอปรึกษาผู้ใหญ่ก่อน