ญาติเหยื่อ ส.ต.ท.หญิงโหด ร้อง "กัน จอมพลัง" ช่วยคดี ไม่เชื่อป่วยจริง

นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กันจอมพลัง” เดินทางมายัง สภ.เมืองราชบุรี หลังได้รับแจ้งจากญาติผู้เสียหาย อดีตทหารรับใช้ที่ถูกสิบตำรวจโทหญิงทำร้ายร่างกายว่าตำรวจมีการควบคุมตัว ส.ต.ท.หญิง อย่างแน่นหนาต่างจากผู้ต้องหารายอื่นๆ และพยายามหลบเลี่ยงสื่อมวลชน

นายกัน ได้พูดคุยกับหนึ่งในตัวแทนของญาติผู้เสียหาย ก่อนเปิดเผยว่า กรณีที่ผู้ต้องหาอ้างว่าป่วย ตนถือว่าไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพราะก่อนหน้าผู้เสียหายเคยเล่าให้ฟังว่าผู้ต้องหาเคยพูดว่า "ตัวเองเป็นคนบ้าทำอะไรไปก็ไม่ผิด" และตนคิดไว้อยู่แล้วว่าผู้ต้องหาจะต้องหงายการ์ดใบนี้ ตนพร้อมจะเปิดข้อมูลและหลักฐานสำคัญบางอย่างในวันพรุ่งนี้ เป็นหลักฐานที่จะโต้แย้งเรื่องอาการป่วยและหลักฐานที่แฉถึงการเข้ารับราชการตำรวจที่ไม่โปร่งใส

ส่วนการที่ตำรวจมีการควบคุมตัวแบบวีไอพี ทางญาติได้บอกว่า รู้สึกน้อยใจ เพราะผู้เสียหายต้องเดินทางกลับดึกดื่นหลังจากสอบปากคำ ไม่มีการคุ้มกันดูแล ต้องเดินทางกลับบ้านเพียงลำพัง แตกต่างจากการดูแลผู้ต้องหาในวันนี้ โดยตำรวจได้ชี้แจงเรื่องนี้ว่า ไม่ได้มีการคุ้มกันแบบวีไอพีแต่เป็นความประสงค์ของผู้ต้องหาที่ไม่ต้องการให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ

ทั้งนี้ หากผู้ก่อเหตุได้รับการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน ตนจะสอบถามพนักงานสอบสวนและผู้บังคับบัญชาถึงเหตุผลที่ให้ประกันตัว รวมถึงการการันตีความปลอดภัยผู้เสียหาย แต่หากได้รับประกันตัวในชั้นศาล ทางทีมทนายจะไปทำเรื่องยื่นคัดค้านที่ศาลต่อไป

ขณะที่ตำรวจคุมตัวขึ้นไปสอบปากคำ กลุ่มญาติผู้เสียหายได้วิ่งตามพร้อมแสดงความไม่พอใจมองว่าเป็นการปฏิบัติสองมาตรฐานหรือไม่ แทนที่จะคุ้มกันผู้เสียหายแต่กลับไปคุ้มกันผู้ต้องหา และพยายามพาหลบหนีญาติและนักข่าวแตกต่างจากผู้ต้องหาคนอื่นๆที่มีทางขึ้นลงชัดเจน

ด้านญาติผู้เสียหาย ระบุว่า การที่ผู้ต้องหานำใบรับรองแพทย์อ้างว่าป่วยมายืนยันนั้น ตนไม่เชื่อเพราะหากเป็นคนป่วยทำไมถึงรับราชการได้ ส่วนการที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพและสำนึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการกล่าวอ้างไม่ได้รู้สึกผิดจากใจจริง ซึ่งตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมา มีการทำร้ายผู้เสียหายอย่างต่อเนื่อง พร้อมกังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมหากผู้ก่อเหตุได้รับการประกันตัว ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับคำขอโทษจากผู้ก่อเหตุ

ทั้งนี้มีรายงานว่า มีผู้มีอิทธิพลรายหนึ่งประสานขอไม่ให้เปิดเผยเรื่องนี้ตั้งแต่วันแรก วันที่สองก็ประสานขอให้เปิดเผยเรื่องนี้เบาๆ ไม่ต้องขยายผลไปถึงบุคคลอื่น  จนถึงล่าสุดมีการเสนอเงินจำนวนหนึ่งเพื่อขอจบเรื่องดังกล่าว