17 สิงหาคม 2565 จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งหมด 17จุด แยกเป็นจังหวัดนราธิวาส 9 จุด จังหวัดยะลา 6 จุด และจังหวัดปัตตานี 2 จุด โดยเป้าหมายการระเบิดครั้งนี้แยกเป็นร้านสะดวกซื้อเซเว่นฯจำนวน11แห่ง, ร้านบิ๊กซีมินิ4แห่ง,เสาสัญญาณ 1 แห่ง และปั๊มน้ำมันขนาดใหญ่ 1แห่ง
โดยตลอดทั้งวันเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้เข้าเก็บหลักฐานในจุดเกิดเหตุ โดยเฉพาะที่ปั๊มน้ำมันบางจาก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นปั้มน้ำมันขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนถนนสายเอเชีย43 หาดใหญ่-ปัตตานี ได้รับความเสียหายมากที่สุด และน่าจะเป็นครั้งแรกที่คนร้ายตั้งใจลอบวางระเบิดและมุ่งหวังให้ปั๊มน้ำมันเกิดความเสียหายจากแรงระเบิดจนไฟไหม้วอดเสียหายทั้งหมด แม้ที่ผ่านมาคนร้ายจะมีความพยายามก่อเหตุหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จมีเพียงอาคาร ร้านกาแฟ หรือพื้นที่บางส่วน หรือรั้วที่ได้รับความเสียหายเท่านั้น
จากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายซุกซ่อนระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนัก 15 กิโลกรัมในถังแก๊สปิกนิกจุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสารแล้วนำไปวางไว้ใต้ท้องรถบรรทุกน้ำมันที่มีน้ำมันประมาณ2,000 ลิตร ซึ่งจอดอยู่ใกล้กับหัวจ่ายน้ำมันของปั๊ม ส่งผลให้เกิดระเบิดและเพลิงลุกไหม้วอดทั้งหมด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินความเสียหาย
นอกจากนี้ยังมีรถบรรทุกอีกอย่างน้อย 3 คันที่จอดไว้ในปั๊มได้รับความเสียหายด้วย
ภายหลังเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการเก็บหลักฐานเรียบร้อยได้อนุญาตให้เจ้าของรถบรรทุกและผู้ประกอบการเข้าไปสำรวจความเสียหายภายในปั๊มน้ำมัน ซึ่งก็พบว่าบริเวณตัวปั๊มได้รับความเสียหายทั้งหมด นอกจากนี้แรงระเบิดยังทำให้ร้านกาแฟ รวมถึงร้านสะดวกซื้อที่อยู่ภายในปั๊มได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน
นายอรรถนนท์ ขุนทอง พนักงานขับรถบรรทุกพ่วง หมายเลขทะเบียน 829044 สงขลาและ 829045 สงขลา และนายอรรถนพ ขุนทอง ผู้เป็นพ่อซึ่งมีอาชีพเป็นพนักงานขับรถบรรทุกที่ได้รับความเสียหาย ได้เข้าไปสำรวจรถบรรทุกที่จอดไว้พร้อมกับเล่าว่า หลังจากนำรถบรรทุกเข้าไปจอดที่ปั๊มในช่วงเวลาประมาณ 22.00น.ซึ่งจะจอดเป็นประจำอยู่แล้ว โดยมีรถบรรทุกจอดอยู่รวม 3คัน ก่อนจะออกมาซื้อของและจังหวะที่กำลังกลับไปที่รถได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นและเกิดไฟลุกท่วมปั๊มอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่สามารถเข้าไปเคลื่อนย้ายรถได้
นายอรรถนนท์ ยังบอกด้วยว่า ทางบริษัทเพิ่งถอยรถบรรทุกพ่วงมาใช้งานและใช้งานได้ไม่ถึง 3รอบก็ต้องมาเจอกับเหตุระเบิด โดยตัวพ่วงท้ายพร้อมระบบไฮโดรลิกได้รับนวามเสียหายทั้งหมด ซึ่งไม่คิดว่าการจอดรถในปั๊มน้ำมันจะเกิดอันตรายได้ เนื่องจากก่อนหน้าหน้าที่คนขับรถบรรทุกส่วนใหญ่มักจะจอดรถไว้ริมทางเพื่อหยุดพักก่อนที่จะเดินทางอีกครั้งในช่วงเช้า กระทั่งช่วงระยะหลังได้มีการเปลี่ยนเข้าไปจอดในปั๊มน้ำมันแทนเนื่องจากไฟฟ้าสว่างและมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย จนเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นทำให้รู้สึกกลัว
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ความรุนแรงที่พุ่งเป้าทำลายระบบเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในครั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตุว่าจะมีเรื่องของผลประโยชน์เกี่ยวกับการเรียกค่าคุ้มครองผู้ประกอบการที่เข้ามาลงทุนในพื้นที่ด้วยหรือไม่ซึ่งฝ่ายความมั่นคงเองก็ไม่ได้ตัดประเด็นนี้และพร้อมที่จะหาข้อมูลประกอบหลักฐานในการสืบสวนเชิงลึกต่อไป