svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ตร.รู้ตัวกลุ่มคนร้ายปล้นพ่อค้ากัญชา คาดปมธุรกิจสีเทา เร่งไล่ล่า (มีคลิป)

16 ตุลาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เปิดนาทีคนร้ายปล้นพ่อค้ากัญชา ตร.รู้ตัวกลุ่มคนร้ายแล้ว คาดปมธุรกิจสีเทา เร่งไล่ล่านำตัวดำเนินคดี ญาติ เชื่อสาเหตุ ขายกัญชาราคาถูกหวังปล้นทรัพย์

17 ตุลาคม 2565 จากเหตุการณ์อุกอาจคนร้าย ควงปืนบุกปล้นพ่อค้ากัญชา ก่อนถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ล่าสุดทางด้านนางสาวพรพิมล (สงวนนามสกุล)อายุ 32 ปี พี่สาวของแฟนสาวผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุมีคนนัดมาดูกัญชาที่ห้องน้องเขย อีกฝ่ายอ้างว่าต้องการดูสินค้าว่า เนื้อกัญชาเป็นอย่างไร โดยจะส่งลูกน้องมาดู โดยขับรถฮอนด้า แจ๊ส มา ด้านน้องเขยให้รุ่นน้องคนสนิทลงมารับ เพื่อพาไปห้องพัก

 

น.ส.พรพิมล

 

เมื่อเข้าไปในห้องพักคนร้ายทั้งสองคนก็ปิดประตู และใช้อาวุธปืนจ่อที่ศีรษะน้องเขย ระหว่างนั้นน้องสาวตนซึ่งเป็นภรรยาของคนเจ็บ ได้ออกมาข้างนอกเพื่อซื้อเครื่องดื่มต้อนรับแขก ก่อนจะได้ยินเสียงดังลักษณะคนทะเลาะกัน

 

น้องเขยได้ตะโกนว่า "คนพวกนี้เป็นโจร มีปืน และจะมาปล้น จากนั้นน้องสาวได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ  ระหว่างนั้นได้มีชายคลุมโม่งดำ ประมาณ 7-8 คนวิ่งขึ้นมาจากบันไดทั้ง สามด้านของตึก"

 

น.ส.พรพิมล กล่าวอีกว่า จากนั้นคนร้ายได้ยิงประตูห้อง ก่อนจะลากน้องสาวเข้าไปและใช้พานท้ายปืนตีที่ท้ายทอย ซึ่งก่อนหน้านั้นน้องเขย และ รุ่นน้องคนสนิทได้ถูกปืนจ่อศีรษะแต่ขัดขืน ต่อสู้คนร้ายและ มีการยิงปืนไปที่ผนัง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สุดอุกอาจ กลุ่มชายฉกรรจ์ควงอาวุธปล้น พ่อค้ากัญชา โคม่า(มีคลิป)

ตำรวจรู้ตัวกลุ่มคนร้าย และเจ้าของรถฮอนด้า แจ๊ส นำมาใช้ก่อเหตุ

 

ตอนเกิดเหตุคนร้ายได้ใช้ปืนจ่อศีรษะลูกของน้องเขย อายุ 9 ขวบ เด็กได้ร้องขออย่าทำพ่อ แต่คนร้ายพูดทำนองจะยิงให้ตาย  จนกระทั่งคนร้ายเริ่มรู้สึกว่ามีคนได้ยินเสียงดัง ออกมาดู ก่อนจะหนียังใช้พานท้ายปืนตีที่ศีรษะน้องเขยอีกครั้งจนกะโหลกร้าว และยังใช้ปืนข่มขู่พ่อและแม่อีกด้วย

 

"ก่อนหน้านี้น้องเขยไม่เคยรู้จักชายคนนี้มาก่อน เพียงแค่ชายคนนี้ทักผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์และขอซื้อกัญชา ซึ่งเมื่อน้องเขยสอบถามว่ารู้ได้อย่างไรว่าขายกัญชา อีกฝ่ายจึงบอกว่าได้รับการแนะนำจากบุคคลที่ 3 และเมื่อสอบถามก็ทราบว่าคนดังกล่าวสามารถเชื่อใจได้ จึงไว้วางใจซื้อขายกัญชาด้วย " น.ส.พรพิมล กล่าวยืนยัน

 

น.ส.พรพิมล เปิดเผยอีกว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหากับใคร เพราะทั้งน้องสาวและน้องเขย ติดคุกคดีกัญชา 11 เดือน เพิ่งพ้นโทษ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยคาดว่าคนร้ายต้องการมาปล้น เพราะน้องสาวและน้องเขยที่ถูกจับกุมไป และถูกยึดทรัพย์ ซึ่งหลังจากปลดล็อกกัญชา ก็ได้ทรัพย์สินคืนรวมถึงกัญชาอีกหลายร้อยกิโลกรัม รวมมูลค่าเกือบ 5 ล้านบาท

 

"ตอนที่คนร้ายใช้ปืนจ่อศีรษะน้องเขย ได้ถามว่า พระเครื่อง-ทองอยู่ไหน ปกติน้องเขยจะเก็บของมีค่าไว้อีกห้องหนึ่ง ทำให้คนร้ายได้ไปแค่แหวนทอง 1 บาท และกุญแจรถฮอนด้า ซีวิค เท่านั้น แต่ไม่ได้รถไปด้วย"

 

น.ส.พรพิมล กล่าวอีกว่า ทางตำรวจขอเวลาทำงาน 2-3 วัน และทราบว่ามีคนแสดงตัวเป็นเจ้าของรถฮอนด้า แจ๊สแล้ว แต่ทางตำรวจยังไม่ได้จับกุมดำเนินคดี

 

กล้องวงจรปิดจับภาพกลุ่มคนร้ายไว้ได้

"เราเกิดความไม่เข้าใจ เพราะรถคันดังกล่าวเป็นรถที่ใช้บรรทุกคนมาก่อเหตุ ทำไมจึงไม่ถูกจับกุม จึงอยากร้องเรียนสื่อ กลัวว่าจะไม่ปลอดภัยเพราะเมื่อเดือนสิงหาคมน้องเขยเคยถูกอุ้มไปซ้อมทำร้ายร่างกาย เคยแจ้งความที่ สน.ท่าข้ามแล้ว แต่คดีเงียบไป เราเองพอจะรู้ว่าเป็นฝีมือกลุ่มไหน ปัญหาน่าจะมาจากเรื่องกัญชาที่น้องเขยขายในราคาถูกกว่าเจ้าอื่น"

 

ด้านเพื่อนบ้านผู้เสียหายเปิดเผยว่า วันเกิดเหตุได้ยินเสียงคนทะเลาะกันเสียงดัง และเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่สามารถจับใจความได้ว่าเป็นเรื่องอะไร ก่อนจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3-4 นัด จากนั้นได้ยินเสียงคนวิ่งหนีหลายคน แต่ขณะนั้นไม่ได้ออกมาดูเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย

 

"ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นคนกลุ่มนี้มาก่อน ส่วนห้องที่เกิดเหตุตามปกติก็มีการพูดคุยส่งเสียงดัง และมักมีคนแวะเวียนมาหาที่ห้องบ่อยครั้ง แต่ไม่เคยเกิดเหตุในลักษณะนี้มาก่อน ยอมรับว่ารู้สึกกังวลใจเพราะตึกนี้คนนอกก็สามารถขึ้นมาได้"

 

วันที่เกิดเหตุ

 

ด้าน พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผกก.สน.ท่าข้าม เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ โดยคืนเกิดเหตุหลังได้รับแจ้งเหตุ ได้รีบเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที ตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบว่าคนร้ายมีการใช้อาวุธปืน ยิงข่มขู่เจ้าของห้องพักและญาติๆ รวมถึงมีการทำร้ายร่างกายเจ้าของห้องพักด้วย

 

หลังก่อเหตุคนร้ายได้เก็บปลอกกระสุนปืนทั้งหมดที่ยิงก่อนหลบหนีไปด้วย โดยเรื่องที่เกิดขึ้น จากข้อมูลพบว่า กลุ่มคนร้ายที่เดินทางมาก่อเหตุนั้น มีการนัดหมายกับเจ้าของห้องพักเพื่อซื้อขายกัญชากันในยามวิกาล คู่กรณีทั้งสองฝ่ายรู้จักกันมาก่อน เพราะเจ้าของห้องเปิดประตูต้อนรับ ให้เข้าไปในห้องก่อนที่จะเกิดเหตุ จึงเชื่อว่าน่าจะเกิดจากปัญหาความขัดแย้งเรื่องธุรกิจสีเทา ซึ่งตัวเจ้าของห้องพักนั้นก็มีประวัติเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.9 จับกุมข้อหาพัวพันกับยาเสพติดและมีประวัติถูกยึดทรัพย์

 

"ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งหลังจากนี้ต้องรอให้ผู้ได้รับบาดเจ็บอาการดีขึ้น จึงจะให้พนักงานสอบสวนเดินทางไปสอบปากคำอย่างละเอียดเพื่อสรุปสำนวนคดีดำเนินการตามกฎหมายต่อไป"

 

logoline