คุม 3 โจ๋ อุ้มฆ่าเด็ก 14 ทำแผน ชี้จุดอุ้มซ้อมเค้นขโมยทอง ก่อนปล่อยเสียชีวิต

ความคืบหน้า กรณี ด.ช.ไกรศิริ วงศ์วัฒน์ หรือ เขียด อายุ 14 ปี ถูกคนร้าย 4 คน อุ้มขึ้นรถ จยย. 3 ล้อพ่วงข้าง ไปจับมัดมือ รุมกระทืบ ก่อนปล่อยตัวกลับมา และพบว่า น้องเขียดช้ำในเสียชีวิตที่บ้าน ซึ่งภายหลังตำรวจจับกุมผู้ก่อเหตุได้ 3 คน อ้างว่า อุ้มไปทำร้ายเพราะคิดว่าขโมยทอง 1 บาท เงิน 3 พันบาท จึงนำสอบเค้นความจริง แต่เหยื่อไม่พูดจึงถูกซ้อม (อ่านข่าว)

 

ล่าสุดวันนี้ (19 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.ท.ชัยเมศร์ ไชยวรรณรุจน์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.ห้วยใหญ่ พร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวน และ สายตรวจ สภ.ห้วยใหญ่ คุมตัว นายพัชรพล กิ่งคล้าย หรือ พีช อายุ 21 ปี นายนัตพงค์ ชุ่มเย็น หรือ นัท อายุ 26 ปี 3.นายกฤษดา เงินท้วม หรือ แปบ อายุ 22 ปี  3 ผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณจุดเกิดเหตุ ภายในซอยหัวหนองบน หมู่ 10 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

 

โดยหลัก ๆ ในคดีนี้ นายพัชรพล กิ่งคล้าย หรือ พีช อายุ 21 ปี คือหัวโจกในการลงมือทำร้าย ด.ช.เขียด อายุ 14 ปี เพื่อเค้นเอาความจริง เรื่องการขโมยทอง 1 บาท และ เงินสด 3 พันบาท โดยมีการพาไปชี้จุด บริเวณซอยข้างบ้านของผู้ต้องหา ซึ่งเป็นจุดที่อุ้มผู้เสียชีวิตมาซ้อม จนผู้เสียชีวิตยอมรับว่า เป็นคนขโมยทองไป ก่อนจะพาขึ้นรถ จยย. 3 ล้อพ่วงข้างไปค้นหาจุดซ่อนทอง 

 

 

จุดแรก เป็นบ้านน้าของผู้ตาย บริเวณห้องครัวหลังบ้าน และภายในรถยนต์ของน้า ก็ไม่พบทอง จึงพาไปจุดที่ 2 บริเวณบ้านพักของผู้ตาย แต่ก็ยังไม่พบทองอีก และจุดสุดท้าย บ้านพ่อของผู้ตาย ที่ปล่อยรกร้าง ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่ผู้ตายถูกมัดมือ และรุมทำร้ายมากที่สุด เพื่อเค้นให้บอกจุดซ่อนทอง แต่สุดท้ายก็หาไม่เจอ ก่อนจะพาตัวผู้ตายไปส่งบ้าน และเสียชีวิตในที่สุด

 

ซึ่งระหว่างทำแผน นายพัชรพล กิ่งคล้าย หรือพีช อายุ 21 ปี ยอมรับว่า เป็นคนลงมือทำร้าย ด.ช.เขียด โดยอ้างว่า ด.ช.เขียด ยอมรับว่า เป็นคนขโมยทองไป แต่พอพาไปค้นหาทองกลับไม่เจอ ด้วยความโกรธจึงทำร้ายเด็ก แต่ไม่คิดว่าน้องจะเสียชีวิต

 

ด้าน นาย ศิริชัย วิศิริ อายุ 50 ปี น้าเจ้าของบ้าน ที่ ด.ช.เขียด ไปเสียชีวิต เล่าว่า บ้านหลังนี้ปกติจะไม่มีใครอยู่ โดยส่วนใหญ่ ตนจะไปนอนบ้านแฟนที่พัทยา ในวันเกิดเหตุเชื่อว่า ที่หลานมานอนตาย เพราะคงมาหาแม่ของตน เนื่องจากเป็นคนเลี้ยงตั้งแต่เด็ก ส่วนแม่ของตนเสียชีวิตไปแล้ว จึงเชื่อว่า ตอนเกิดเหตุ ด.ช.เขียด คงคิดถึงแม่ จึงคลานมานอนตายที่บ้านของตน
 

 

ขณะที่ช่วงสายวันนี้ นายวิทยา วงศ์วัฒน์ อายุ 44 ปี พ่อของ "น้องเขียด" ได้เดินทางมาพบ พนักงานสอนสวน เพื่อขอหนังสือไปรับศพน้องเขียด ที่สถาบันนิติเวชวิทยา พร้อมทั้งเปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เห็นภาพวงจรปิด นายเพช พ่อของ นายพัชรพล กิ่งคล้าย หรือพีช 1 ในผู้ต้องหา ซึ่งได้ขับขี่รถจยย. ยี่ห้อฮอนด้า คลิก สีขาว โดยลักษณะไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงในตัวเดียว ไปรับ "น้องเขียด" ออกมาจากบ้านเพื่อนที่ชื่อ ด.ช.ไผ่ เมื่อเวลา 17.13 น. ของวันที่ 16 ก.ย. และนั้นคือภาพสุดท้าย ก่อนที่ลูกจะเสียชีวิต พร้อมทั้งร้องขอให้ตำรวจจับกุมตัว นายเพช มาเนินคดี เพราะเชื่อว่า นายเพช มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการทำร้ายลูกจนเสียชีวิต

 

พ.ต.ต.ประกาศิต พละเดช สว.สอบสวน สภ.ห้วยใหญ่ เจ้าของคดี เปิดเผยว่า ตอนนี้มีการสอบปากพยานไปแล้ว 3 ปาก โดยทั้งหมด เป็นประจักษ์พยานสำคัญ ในการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ส่วนนายยุทธ (ไม่ทราบนามสกุล) อายุ 23 ปี ที่ยังหลบหนี ขณะนี้ทางตำรวจกำลังอยู่ในระหว่าง รวบรวมหลักฐานในการออกหมายจับ 

 

ส่วนนายเพช นายพลูหิรัญ กิ่งคล้าย ที่ปรากฏในภาพกล้องวงจร ตำรวจต้องพา ด.ช.ไผ่ เพื่อนของคนตาย ไปสอบปากต่อหน้าอัยการ และสหวิชาชีพ โดยยืนยันว่า ด.ช.ไผ่ คือพยานสำคัญในคดีนี้ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่มีเกี่ยวข้องทุกราย โดยไม่มีการล้มคดีอย่างแน่นอน 

 

 

 

 

มีรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์คลิป  เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. หรือประมาณ 3 เดือนก่อน ลักษณะมีชายวัยกลางคนกำลังสอน ด.ช.เขียด และให้จุดธูปสาบานกับศาลเจ้าพ่อดำ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้านชากแง้วให้ ด.ช.เขียด เลิกนิสัยลักขโมย และจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนในหมู่บ้าน และเลิกนิสัยเกเร ถ้าทำอีกจะโดนลงโทษ และขอให้ชีวิตมีอันเป็นไป ก่อนจะปักธูปสาบาน

 

สำหรับที่มาของการพา ด.ช.เขียด จุดธูปสาบาน  ในครั้งนั้น สืบเนื่องมาจากในอดีต ศาลเจ้าพ่อดำ จะเป็นศาลไม้ แต่ถูกมือดี เผาจนไฟไหม้เสียหาย ชาวบ้านจะไปดูกล้องวงจรปิด เห็นเงาเด็กตัวเล็กๆ มายืนใกล้กับศาลเจ้าพ่อ จึงพากันสันนิษฐานว่าน่าจะเป็น ด.ช.เขียด แต่พอไปสอบถาม ด.ช.เขียด ก็ตอบปฏิเสธ แต่ชาวบ้านไม่เชื่อ จึงให้น้องจุดธูปสาบานต่อหน้าศาลเจ้าพ่อ ก่อนที่น้องจะมาเสียชีวิตดังกล่าว ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของชาวบ้านที่รู้ข่าว 

 

อีกทั้งยังระบุว่า ประวัติ ด.ช.เขียด มักมีนิสัยขโมยหลายครั้ง เคยก่อเหตุ ขโมยเงินกระถินของวัด เงินที่ทำงานเก่าของผู้เป็นพ่อ และ ตามบ้านคนในหมู่บ้าน เคยถูกจับส่งตำรวจหลายครั้ง แต่ก็ถูกปล่อยตัวออกมา เพราะไม่มีหลักฐานมัดตัว ในการดำเนินคดี