นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุถึง กรณีที่คณะกรรมการโรคติดต่อเห็นชอบมีมติปรับให้โควิด-19 เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง ลำดับที่ 57 นั้น ที่จะเริ่ม 1 ตุลาคม ในช่วงระยะเวลานี้เพื่อให้ทุกคนเตรียมตัว ขณะเดียวกันก็ต้องติดตามดูสถานการณ์ การแพร่ระบาดระหว่างนี้ด้วย ถ้าหากไม่มีการระบาดระลอกใหม่ ก็สามารถดำเนินการตามแผนได้
ขณะที่ การรับวัคซีนโควิด จะต้องมีการฉีดทุกปีเหมือนวัคซีนไข้หวัดใหญ่หรือไม่ นพ.โอภาส ระบุว่า ต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาด และการกลายพันธ์ของเชื้อด้วย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้คนในประเทศส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนโควิด2 เข็มเกือบครอบคลุมแล้วรวมถึงวัคซีนเข็มกระตุ้นด้วย ต่อไปอาจจะฉีดกระตุ้นทุก 4 เดือน หลังรับเข็มสุดท้าย โดยผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว 3 เข็ม เข็มถัดไปสามารถฉีดวัคซีนยี่ห้อใดก็ได้ กระทรวงสาธารณสุข มีแผนเตรียมการไว้แล้ว ในการสำรองวัคซีนโควิดสำหรับการฉีดเข็มกระตุ้น โดยวัคซีนไข้หวัดใหญ่กับวัคซีนโควิด สามารถฉีดร่วมกันได้
ย้ำ ตอนนี้การฉีดวัคซีนโควิด เข็มกระตุ้นยังสามารถรับได้ฟรีอยู่ ส่วนจะฉีดวัคซีนโควิดกระตุ้นทุกปีเหมือนไข้หวัดใหญ่หรือไม่ต้องรวบรวมข้อมูลก่อน เนื่องจากไข้หวัดใหญ่ที่ต้องฉีดกระตุ้นทุกปีเป็นการกระตุ้นภูมิของประชาชนและเป็นเชื้อที่มีมานานแล้ว
ส่วนยารักษาโควิด-19 ยารักษาอาการผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19 ยังคงอยู่ในกลุ่มยาที่แพทย์ต้องเป็นผู้สั่งจ่ายยา มีใบสั่งยา ในพื้นที่กรุงเทพมหานครจะมีการกระจายยาไปร้านขายยาและคลินิกเอกชนเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงแต่ต้องมีใบสั่งจ่ายยาจากแพทย์ ส่วนในพื้นที่ต่างจังหวัดจะเป็นการกระจายยาไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต. โดยยอมรับว่า ในพื้นที่กรุงเทพฯมีปัญหาในเรื่องของการกระจายยาจึงจำเป็นต้องปลดล็อคให้ร้านขายยาและคลินิกเอกชนสามารถจัดซื้อยาต้านไวรัสโควิดได้เอง
การแยกกัก ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด จากเดิม 14 วัน ต่อมาปรับลดเป็น 10 วัน ส่วนอนาคตจะปรับลดอีกหรือไม่ต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้ง และการกักกัน สำหรับกลุ่มสัมผัสเสียงสูงที่ไปสัมผัสผู้ติดเชื้อ ระยะเวลากักกันคือระยะเวลาฟักตัวของโรค จากเดิม 14 วัน ลดเหลือ 10 วันและ 7 วัน ปัจจุบันไม่มีการกักกันในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงแล้ว มีเพียงสังเกตอาการเท่านั้น
ทั้งนี้ กลุ่มโรค มี 3 กลุ่ม คือ กลุ่มโรคทั่วไป กลุ่มโรคติดต่ออันตราย มีประมาณ 12-13 โรค ซึ่งเป็นโรคใหม่ด้วย จะต้องมีโรคที่มีความรุนแรงสูง รักษายาก มีการแพร่กระจายที่รวดเร็วและกว้างขวาง และ กลุ่มโรคติดต่อเฝ้าระวังซึ่งมี 50 โรค
ซึ่งการปรับโควิด- 19 ให้เป็นโรคเฝ้าระวัง ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังจะต้องรายงานผู้ป่วยมายังกรมควบคุมโรค เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์แนวโน้มการระบาดเพื่อที่จะหามาตรการ เมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นมาจะสามารถประกาศมาตรการเฉพาะขึ้นมาได้
โดยสถานการณ์โควิด-19 ผ่านมา 3 ปีปัจจุบันทั่วโลก มีการจัดการกับโควิดเป็นการจัดการเหมือนโรคทั่วไป เช่นในหลายประเทศ อย่างสหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น เริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ มากขึ้น มีการใช้ชีวิตได้เกือบปกติ รวมถึงองค์การอนามัยโลก เตรียมที่จะพิจารณาปรับการเตือนภัยโควิด ประมาณต้นตุลาคมนี้