7 ขั้นตอนวุ่นๆ หาก"บิ๊กตู่"โดนสอยปม 8 ปีนายกฯ

ด้วยเหตุผล เพราะ 

1.ครม.จะพ้นตำแหน่งไปด้วย (เมื่อนายกฯพ้นจากตำแหน่ง) ต้องซาวเสียงตั้งรัฐบาลใหม่ 

2.ครม.ประยุทธ์ ยังทำหน้าที่รักษาการ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่รักษาการ (เพราะพ้นตำแหน่งจากคำวินิจฉัยศาล) ก็ต้องให้ "พี่ป้อม" คือ พล.อ.ประวิตร รองนายกรัฐมนตรี อันดับ 1 ทำหน้าที่รักษาการนายกฯ 

** หากจับจังหวะนี้ หลายคนมองว่าน่าจะยุบสภาได้ เพราะไม่มีกฎหมายห้าม ขณะเดียวกันก็มีข่าวหนาหูว่าถ้า "บิ๊กตู่" มีแนวโน้มไม่รอด หรือส่อถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่แน่ๆ ก็มีโอกาสที่จะชิงยุบสภา

3.เมื่อมีรัฐบาลรักษาการ และนายกฯ รักษาการ (บิ๊กป้อม) สภาก็จะจัดซาวเสียงหานายกฯใหม่ แต่กระบวนการสรรหานายกฯ น่าจะปิดทางฝ่ายค้าน เพราะเสียงจริง ไม่รวมงูเห่า มีไม่ถึง 200 เสียง และ ส.ว.ยังร่วมโหวตอยู่ด้วย 

4.การเลือกก๊อก 1 จากแคนดิเดตนายกฯ ที่พรรคการเมืองเสนอชื่อ จะเหลือแค่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กับ นายชัยเกษม นิติสิริ จากเพื่อไทย แต่นายชัยเกษม ไม่ได้เป็น ส.ส. แม้รัฐธรรมนูญจะไม่ห้าม แต่พรรคเพื่อไทยเคยประกาศว่าจะสนับสนุนให้ ส.ส.เป็นนายกฯ 

5.จากกระบวนการซาวเสียงหานายกฯ ตามกติกาปัจจุบัน ต้องบอกว่า 3ป. โดยเฉพาะ "บิ๊กป้อม" ยังมีบารมี เพราะคุมเสียง ส.ว.จำนวนมาก ฉะนั้นโอกาสที่จะเสนอชื่อนายอนุทิน แล้วได้เป็นนายกฯคนใหม่ จึงเป็นเรื่องยาก

6.อาจเกิดการสรรหานายกฯ นอกบัญชีที่พรรคการเมืองเสนอ 

7.กระบวนการเลือกนายกฯ นอกบัญชี

-สมาชิกของทั้งสองสภารวมกันจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา เข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภา ขอให้รัฐสภามีมติยกเว้น เพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกฯในบัญชีพรรคการเมือง 

-ประธานรัฐสภาเรียกประชุมร่วมกันของรัฐสภา 

-ต้องลงมติอนุมัติด้วยเสียง 2 ใน 3 หรือเกือบๆ 500 เสียง 

-จากนั้นก็โหวตเลือกนายกฯอีกที ใช้คะแนนกึ่งหนึ่งของ 2 สภา คือ (เสียงเต็ม 376 / เสียงปัจจุบัน 364 จากสมาชิก 2 สภา 727 คน)

ข้อสังเกตของการใช้กระบวนการเหล่านี้คือ

-รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดกรอบเวลา ฉะนั้น “นายกฯสำรอง” อาจรักษาการไปเรื่อยๆ หากยังเลือกนายกฯตัวจริงไม่ได้

-กระบวนการขออนุมัติให้เสนอชื่อนายกฯนอกบัญชี พรรคเพื่อไทยและพรรคเศรษฐกิจไทยต้องเอาด้วยจึงจะสำเร็จ (อย่างน้อยที่สุดก็ต้องบางส่วน แม้ไม่หนุนทั้งพรรค) ซึ่งถ้าไปถึงจุดนั้น แสดงว่าดีลลับน่าจะมีจริง