svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ทักษิณ" เฮชนะคดีสรรพากร ศาลสั่งเพิกถอนเก็บภาษีหุ้นชิน 1.7 หมื่นล้านบาท

08 สิงหาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ศาลภาษีฯ มีคำพิพากษาให้ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ชนะคดีกรมสรรพากร โดยศาลสั่งให้เพิกถอนการประเมินเก็บภาษีขายหุ้นชินคอร์ปจำนวน 17,000 ล้านบาท เหตุดำเนินการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ออกหมายเรียก "โอ๊ค-เอม" มาประเมินแทนเจ้าตัว

 

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2565 ศาลภาษีอากรกลาง มีคำพิพากษาคดีความแพ่ง หมายเลขดำ ภ.220/2563  ระหว่าง "นายทักษิณ ชินวัตร" เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง กรมสรรพากร จำเลยที่ 1  นายพงษ์ศักดิ์ เมธาพิพัฒน์ จำเลยที่ 2 นายประภาส สนั่นศิลป์ จำเลยที่ 3 นายพิสิทธิ์ ศรีวรานันท์ จำเลยที่ 4 กรณีประเมินเรียกเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากการขายหุ้น บ.ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 17,000 ล้านบาท โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

 

"ทักษิณ" เฮชนะคดีสรรพากร ศาลสั่งเพิกถอนเก็บภาษีหุ้นชิน 1.7 หมื่นล้านบาท

 

ศาลภาษีอากรกลาง พิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า การที่เจ้าพนักงานของจำเลยที่ 1 ถือเอาการออกหมายเรียก"นายพานทองแท้ ชินวัตร" บุตรชาย และ "น.ส.พินทองทา ชินวัตร" บุตรสาว ในฐานะตัวแทนเชิด เป็นการออกหมายเรียกโจทก์ตามมาตรา 19 แห่งประมวลรัษฎากรในฐานะตัวการ เป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะการประเมินต้องออกหมายเรียกไปยังโจทก์ซึ่งเป็นผู้ถูกประเมินโดยตรง

 

ทักษิณ  ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

 

แต่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานประเมินมิได้ออกหมายเรียกตรวจสอบโจทก์ภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 19 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับนิติกรรมที่ทำขึ้นไม่ก่อให้เกิดการโอนกรรมสิทธ์ในหุ้นของบริษัทชินคอร์ป แต่อย่างใด

 

โดยยังถือว่าโจทก์เป็นเจ้าของหุ้นบริษัทดังกล่าวอยู่ โจทก์จึงมิใช่ผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 39 และมิใช่ผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) แห่งประมวลรัษฎากร  มีผลทำให้การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2-4 ในฐานะคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ที่วินิจฉัยยืนตามการประเมิน ไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นเดียวกัน แต่เจ้าพนักงานประเมินและจำเลยที่ 2-4 กระทำไปตามอำนาจหน้าที่จึงไม่ต้องรับผิดเป็นการส่วนตัว

 

พิพากษาให้เพิกถอนการประเมินตามหนังสือแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.12) และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2-4 ในฐานะคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ เป็นคดีหลังจากที่ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษาคดีที่อัยการสูงสุด ยื่นฟ้อง "นายทักษิณ" คดีร่ำรวยผิดปกติ ขอให้ริบทรัพย์สิน 76,000,000,000 บาท พร้อมดอกผลที่ได้มาจากการขายหุ้น บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น ตกเป็นของแผ่นดิน
  

องค์คณะฯพิจารณาแล้วพิพากษาว่า "นายทักษิณ" ใช้อำนาจขณะดำรงตำแหน่งนายกฯ ออกนโยบายเอื้อประโยชน์ บมจ.ชินคอร์ป ฯ ที่ครอบครัวถือหุ้นทำให้มีทรัพย์สินร่ำรวยผิดปกติ จึงให้ยึดทรัพย์สินในชื่อ นายทักษิณและครอบครัว ที่ได้จากการขายหุ้น บมจ.ชินคอร์ปฯ จำนวน 46,000,000,000 บาทเศษ พร้อมดอกผล ตกเป็นของแผ่นดิน

 

ต่อมาช่วงปี 2549 - 2552 กรมสรรพากรได้ประเมินภาษีโอนหุ้นชินคอร์ป กับนายพานทองแท้ และเอม พินทองทา ทำนองว่าเป็นตัวแทนของนายทักษิณ จึงต้องเก็บภาษีจากคนทั้งสอง นำมาสู่การฟ้องร้องคดีนี้

 

logoline