ที่ผ่านมาถือเป็นเรื่องปกติที่มักปฏิบัติกันแวดวงชาวโซเชียล ในกรณีการซื้อขายออนไลน์ ที่บรรดาผู้ซื้อที่มีความรอบคอบส่วนมาก จะทำการเช็คเครดิตบรรดาพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่จะทำการซื้อขายด้วย ในกลุ่มของสินค้านั้น ๆ เพื่อรีเช็ก ป้องกันการตกเป็นเหยื่อโอนเงินแล้วไม่ได้ของ หรือเสียค่าโง่ ๆ ฟรี แต่ดูเหมือนว่า เมื่อกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือ กฎหมาย PDPA ถูกบังคับใช้อย่างจริงจัง การเช็กขอเครดิตผู้ค้าต่าง ๆ อาจจะต้องกระทำด้วยความระมัดระวังมากขึ้น เพราะอาจเข้าข่ายความผิดของกฎหมายนี้
โดยวันนี้ (2 ส.ค.) ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้โพสต์ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวผ่านเพจเฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ระบุว่า สิ่งที่น่ากลัวและต้องระวังให้มากของกฎหมาย PDPA คือการที่เราไปซื้อของในร้านค้าออนไลน์ แล้วถ้าเกิดอีกฝั่งไม่ส่งของให้
การไปโพสต์ถามหรือขอเครดิตในกลุ่มโดยแปะชื่อ และรูปภาพของคู่กรณีถือว่าละเมิดในการเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ระวังกันด้วยนะครับ มีคนนำเรื่องนี้มาปรึกษา และร้านค้าที่ส่งช้า มีการแจ้งความดำเนินคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยังไงระมัดระวังในการสั่งของออนไลน์กันด้วย พลาด ถูกโกงขึ้นมาลูกค้าเสียเปรียบ เอาผิดก็ยาก โทษสูงสุดของ พ.ร.บ. PDPA จำคุกสูงสุด 1 ปีปรับ 5 ล้าน+ เลยนะครับ
ซึ่งภายหลังที่โพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ได้มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง โดยส่วนมากตำหนิกฎหมายดังกล่าวว่า เป็นการคุ้มครองผู้กระทำผิดมากกว่าประชาชนผู้บริสุทธิ์แต่ไม่รู้กฎหมาย
ขณะที่ทนายตั้มเอง ก็ได้แสดงความคิดเห็นระบุว่า ความคิดเห็นของทีมงาน Sittra Law Firm คือ เข้า PDPA แต่ก็มีสิทธิ์สู้ และมีโอกาสยกฟ้องสูงครับ