ผู้สื่อข่าวรายงานจาก อ.พบพระ จ.ตาก ถึงการสู้รบระหว่างทหาร "เมียนมา" บริเวณหมู่บ้านรอบๆค่ายอูเกรทะ ตรงข้ามตำบลวาเล่ย์ อ.พบพระ ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทหารเมียนมาทุ่มกำลังเข้าไปยิงทหารฝ่ายสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู.)กองพลน้อยที่ 6 และกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (พีดีเอฟ) แต่ไม่สามารถผลักดันฝ่ายกะเหรี่ยงได้ เนื่องจากถูกซุ่มโจมตีตลอดทำให้ทหารเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บมาก
ขณะที่การสู้รบในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ทางฝ่ายเมียนมาไม่มีการปฏิบัติการทางอากาศ เนื่องจาก "กระสุน" และ "ระเบิด" ที่ใช้ปฏิบัติการบน "เครื่องบินรบ" มิก-29 ใช้ไปหมด จึงมีการสั่งซื้อกระสุนจากประเทศ "รัสเซีย"
ซึ่งทางฝ่ายรัสเซียต้องการเงินสด เนื่องจากเมียนมาติดหนี้รัสเซียค่าอาวุธยุทโธปกรณ์ และไม่สามารถชำระให้ฝ่ายรัสเซียได้
ด้านศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดตาก แจ้งเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2565 ว่า เกิดการปะทะกันระหว่างทหารเมียนมา กับกองกำลังชนกลุ่มน้อยเชื้อสายกะเหรี่ยง บริเวณบ้านวะเมทะ อ.ซูการี จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา ตรงข้ามบ้านวาเล่ย์ใต้ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก ลึกเข้าไปในฝั่งเมียนมา ประมาณ 1 กม.ทำให้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา เดินทางเข้ามายังฝั่งไทย ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว วัดบ้านมอเกอร์ไทย ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จำนวน 188 คน กองกำลังนเรศวร ตำรวจภูธร จ.ตาก และฝ่ายปกครอง อ.พบพระได้ติดตามสถานการณ์ในฝั่งเมียนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ ที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนไทย
ด้านกองทัพอากาศ ติดตามสถานการณ์ และเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง โดยเครื่องบินขับไล่(F-16) พร้อมขึ้นบินลาดตระเวนรบ หากมีอากาศยานรุกล้ำน่านฟ้าไทย
ศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก ขอแจ้งให้ทราบว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นด้านตรงข้าม อ.พบพระ จ.ตาก นั้น ประเทศไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้งของทั้งสองฝ่าย และไม่สนับสนุนให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ใช้ประเทศไทยเป็นพื้นที่สนับสนุนผลประโยชน์ของกลุ่มตนเอง