วันนี้ (31 ก.ค.65) น.ส.เอ (นามสมมุติ) เปิดเผยว่า รู้จักผู้ก่อเหตุผ่านเฟซบุ๊กและคบหาเป็นแฟนตั้งแต่ เม.ย.แล้วเลิกรากันไปช่วง ก.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้ก่อเหตุพยายามโทรศัพท์ติดต่อเข้ามาโดยใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ และโพสต์รูปภาพส่วนตัวที่ไม่เหมาะสม ไปยังเพจที่ตนขายของออนไลน์ และผู้ก่อเหตุพยายามให้ตนกลับไปพบที่โรงแรม เพื่อสานต่อความสัมพันธ์จนสิ้นปีนี้ จึงจะยอมเลิกรา
“เคยไปแจ้งความแล้ว แต่ตำรวจมองว่าเป็นเรื่องผัวเมีย ขณะที่ผู้ก่อเหตุพยายามโทรศัพท์ติดต่อกลับมา แต่ไม่กล้ารับสาย เพราะยังรู้สึกตัวการใช้ชีวิต กระทบไปถึงคนในครอบครัว ต้องเปลี่ยนที่พักตลอด เพราะผู้ก่อเหตุอ้างว่ามีคนคอยหนุนหลัง เท่าที่รู้ยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ถูกกระทำแต่ไม่กล้ามาแจ้งความ เพราะเหตุเกิดตั้งแต่ปี 2550 บางคนไปมีลูกมีครอบครัวแล้ว จึงเกรงจะเกิดความอับอาย”
ส่วนน.ส.บี (นามสมมุติ) เล่าว่า สำหรับเหตุของตนเกิดช่วงปลายปี 2561 ถึงต้นปี 2562 ระหว่างที่ยังคบหากัน มีการบันทึกรูปภาพที่ไม่เหมาะสม ซึ่งไม่รู้ว่าเขาบันทึกเอาไว้ จนกระทั่งเกิดปัญหาตนขอเลิก ปรากฎว่าทางผู้ก่อเหตุุเริ่มโพสต์รูปภาพที่ไม่เหมาะสม เป็นรูปส่วนตัวทำให้รู้สึกอาย
“เราพยายามที่จะตีตัวออกห่าง แต่เขาส่งข้อความว่า ถ้าอยากให้จบ ต้องมาหามีสัมพันธ์ด้วยที่ จ.เชียงใหม่ แล้วจะปล่อยตัวกลับมาและลบรูปทุกอย่าง ซึ่งเราไม่ยอม แต่ยังถูกส่งรูปมาข่มขู่ และพยายามจะเข้ามาทำความรู้จักกับคนที่บ้าน คนในครอบครัว ทำให้กลัวว่าเขาจะส่งรูปลับให้กับคนที่บ้าน สุดท้ายต้องยอมทำตามที่เขาบอก เพราะเขาส่งข้อความว่าจะทำให้ชีวิตพังกันไปทั้งคู่ เรื่องที่เกิดเหตุเคยแจ้งความไว้แล้ว และล่าสุดเพิ่งไปแจ้งความวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา เพราะเขาส่งรูปไม่เหมาะสมให้กับทางพ่อเลี้ยงและอดีตแฟนของตัวเอง”