"กรุง ศรีวิไล" เผยความลับนาทีชีวิต "พระพุทธคุณ พารอดตายนับครั้งไม่ถ้วน"
“กรุง ศรีวิไล” เผยนาทีเฉียดตายนับครั้งไม่ถ้วน เชื่อมั่นที่รอดมาได้เพราะพุทธคุณ หลวงปู่ทวด หลวงปู่ทิม และหลวงปู่แถบ ภูมิใจยืนหยัดอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ เพราะคุณธรรม และการไม่หลงลืมตัว กับลาภยศ สรรเสริญ
“กรุง ศรีวิไล” อดีตพระเอกชื่อดังที่โลดแล่นอยู่ในจอเงินและจอแก้ว คู่วงการบันเทิงไทยมานานนับสิบๆ ปี แถมมีรางวัล “ตุ๊กตาทอง” การันตีคุณภาพในผลงาน ที่สุดชีวิตก็พลิกผันไปเป็นนักร้องลูกทุ่งและก้าวสู่เส้นทางการเมืองแบบเต็มตัว
ทุกวันนี้ กรุง ศรวิไล ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ลงพื้นที่ทำงานการเมือง กินข้าวแกงข้างถนน ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน มีบรรดาแฟนๆ และประชาชนทั่วไปแห่เข้ามาขอถ่ายรูปไม่เว้นวัน
วันนี้ เรามีโอกาสเข้าไปพูดคุยถึงเรื่องการดำเนินชีวิต และก่อนที่จะพูดคุยก็อดเสียไม่ได้ที่จะขอปลดกระดุมเสื้อ ล้วงความลับ เพื่อที่จะขอดู "พระเครื่องคู่ใจ" ที่แขวนติดตัว “กรุง ศรีวิไล” มานานกว่า 40 ปี!!
เปิดใจอดีตพระเอกชื่อดัง
“กรุง ศรีวิไล” เปิดใจเล่าให้ฟังว่า
"แขวนพระเครื่อง 3 องค์ ด้วยกัน องค์แรก คือ หลวงปู่ทวดวัดช้างให้ รุ่น 1 องค์ที่สอง คือ หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ รุ่น 1 และพระครูแถบ วัดบางพลีน้อย รุ่น 1 ซึ่ง 2 องค์แรกได้รับมาจาก พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ส่วนหลวงปู่แถบ เป็นเหรียญหลวงปู่ที่อาศัยวัดอยู่มาตั้งแต่ 6 ขวบ
“ผมเองเชื่อเรื่องพุทธคุณอยู่แล้ว เชื่อเรื่องพระ ชื่อเรื่องเวรกรรมว่ามีจริง สมัยก่อนมีในชีวิต พบเรื่องเฉียดตายหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็รอดมาได้ทุกครั้ง”
"สำหรับเหตุการณ์ที่จำฝังใจ คือตอนที่ไปแสดงหนังเรื่องผ่าโลกบันเทิง เกิดอุบัติเหตุระหว่างถ่ายทำ ตอนนั้นเป็นฉากที่ผู้ร้ายต้องยกตู้กระจกทุ่มเข้าหาเรา ตู้มันจะโดนหัวเรา เราก็เอาแขนรับ สุดท้ายกระจกตัดแขนซ้ายขาด ตอนนั้นนิ้วมือไม่สามารถขยับได้เลย" กรุง ศรีวิไล เผยให้ทีมข่าวฟัง
"อีกเหตุการณ์ก็ตอนไปแสดงดนตรีที่ภาคใต้ รถคว่ำตีลังกา คนวิ่งข้ามถนนตัดหน้ารถ คนขับไม่ชำนานทาง มาเร็ว 140 กว่า พอแตะเบรกรถรถก็พลิกคว่ำเอาหลังคาวิ่งแทนล้อ รถป้ายแดงกลายเป็นกระป๋องนม กระดูกคอเคลื่อนแต่ไม่ตาย
“การที่ผมรอดตายมาทุกครั้ง ผมก็เชื่อว่าเป็นเพราะพุทธคุณของ "พระเครื่อง" ที่ห้อยติดตัว เรื่องพุทธคุณเราก็เป็นคนไทย ต้องยึดไว้เลย จะชั่วจะดีอย่างไรต้องเอาพระไว้ ผมเชื่อว่าประเทศเราจะอยู่ไม่ได้หากไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประเทศไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คนคิดไม่ดีกับประเทศจะไม่มีที่อยู่ จะลำบาก จะมีอันเป็นไป เสื่อมเสียชื่อเสียง วงศ์ตะกูล คนโกงกินจะอยู่แผ่นดินนี้ไม่ได้”
ย้อนอดีตความเป็นมาของเขาก่อนจะก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์ เขาเป็นลูกหลานชาวนาสมุทรปราการ จับพลัดจับผลูเป็นนักโบว์ลิ่งทีมไทยรัฐ เป็นวัยรุ่นใจนักเลงที่กว่าจะได้เล่นเป็นพระเอกหนังต้องหลบๆ ซ่อนๆ เพราะมีคดียกพวกตีกัน
‘ลูกยอด’ เป็นหนังเรื่องแรกในวงการแสดง อันเป็นที่มาของชื่อ กรุง ศรีวิไล ซึ่งมาจากชื่อตัวเองในหนัง ก็ไม่มีอะไรหยุดเขาได้ ด้วยความหล่อ หุ่นสูงสมาร์ท ใจนักเลง
กรุง แสดงหนักหลายร้อยเรื่อง ช่วงพีคสุดขีด ไม่เคยรับบทผู้ร้ายเลย และในบทที่เขาแสดง ต้องไม่มีบทการข่มเหงรังแกคนไม่มีทางสู้ และไม่มีบทข่มขืนผู้หญิงเลย ซึ่งเป็นกฎส่วนตัวของเขา
เขาคนนี้ คว้ารางวัลดังๆ บนเวทีดังอย่างมามากมาย ได้เป็นดาราเอเซียหลังแสดงนำร่วมกับ เกร็ก มอริส ดาราฮอลลีวู้ดชื่อดัง และดาราสาวจากเวียดนาม มิส เถิ่ม ถุน หั่ง ในเรื่อง ทอง
กับสุดยอดดาวตลก อย่าง "ล้อต๊อก" ซึ่งว่ากันว่า ทั้งคู่มีความสนิทสนมกันมาก กรุง ศรีวิไล จะเรียกว่า ’พ่อ’ทุกครั้ง และทั้งคู่ร่วมกันสร้างละครบทใหม่ในหนังเรื่อง ซุปเปอร์ลูกทุ่ง ที่โด่งดังเป็นพลุแตก และเป็นที่มาของวงดนตรีซุปเปอร์ลูกทุ่ง ที่สร้างปรากฎการณ์เก็บเงินค่าตั๋วแสดงคืนเดียวใบละ 10 บาท ได้เป็นหลักแสน
เมื่อวันเวลาผ่านพ้นไปเหลือเพียงอดีตอันยิ่งใหญ่ กรุงได้ก้าวย่างเข้าสู่เวทีการเมือง เป็นส.ส.สมุทรปราการครั้งแรกปี 2550 ปัจจุบัน เป็นส.ส.พรรคพลังประชารัฐ
กรุง ศรีวิไล ปัจจุบันอายุ 76 ปี เกิดที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ จบประถมศึกษาที่โรงเรียนบางพลีน้อย และชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในตัวอำเภอโดยอาศัยอยู่กับวัด หลังจบชั้น ม.6 ย้ายไปศึกษาต่อที่โรงเรียนในจังหวัด แต่ยังไม่ทันจบชั้น ม.8 ได้ตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ สอบเข้าโรงเรียนช่างกลปทุมวัน เรียนอยู่ได้ 2 ปีก็ถูกสั่งให้ออก
หลังถูกสั่งให้ออกได้เรียนภาษาอังกฤษ และพิมพ์ดีดเพิ่มเติม จึงได้รู้จักกับผู้ใหญ่คนหนึ่ง ได้ฝากเข้าทำงานกับกรมศุลกากร เป็นฝ่ายติดต่อราชการ และงานด้านชิปปิ้ง ทำอยู่ได้ 4 ปี ได้ออกมาเปิดร้านขายผ้าไหมส่งออกที่โรงแรมแมนดาริน และต่อยอดธุรกิจโดยเปิดร้านจิวเวลรี่เพิ่ม กระทั่งย่างเข้าปีที่ 4 กิจการไปไม่ไหว หุ้นส่วนหนีไปต่างประเทศพร้อมเงินสดในร้านจึงต้องปิดกิจการ
ชื่อของ กรุง ศรีวิไล เป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ ในฐานะนักแสดง จากภาพยนตร์เรื่อง ลูกยอด ที่แสดงคู่กับ เพชรา เชาวราษฎร์ หลังจากที่ มิตร ชัยบัญชา เสียชีวิต ก่อนจะดังเป็นพลุแตกกับภาพยนตร์เรื่อง ทอง ภาค 1 โดยได้รับรางวัลดารานำชายยอดเยี่ยมของเอเชียที่ส่งไปประกวดที่ไทเป หรือ ไต้หวันในปัจจุบัน และได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง จากภาพยนตร์เรื่อง ชู้ และมีผลงานการแสดงออกมาหลายเรื่อง ทั้งยัง มีโอกาสได้แสดงร่วมกับดาราต่างประเทศชื่อดังอีกมากมาย
"เกียรติยศ ชื่อเสียง ลาภยศ คำสรรเสริญ เป็นเรื่องจอมปลอม ต้องคิดไว้เสมอว่าอย่าหลง อย่าเหลิง ดังคำที่ว่า มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ ทุกวันนี้มองตัวเองในกระจก มองเท้าตัวเอง แล้วระลึกเสมอว่าตัวเองมาจากไหนจะได้ไม่ลืมตัว" กรุง ศรีวิไล กล่าวทิ้งท้ายอย่างประทับใจ
