
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีการปลดล็อกกัญชา เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ทำให้กัญชาเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย แต่บางส่วนการไม่ได้ใช้ประโยชน์จากกัญชาตามวัตถุประสงค์ในทางการแพทย์ และมีข้อมูลพบว่ากลุ่มเยาวชนของภาคเหนือยังขาดความเข้าใจเกี่ยวกับกัญชา หลายคนเริ่มมีการใช้กัญชาในวงเหล้า ซึ่งอาจจะยกระดับพฤติกรรมจากการเสพกัญชาไปเสพยาเสพติดชนิดอื่นได้
นายวัชรพงศ์ พุ่มชื่น นักพัฒนางานวิชาการ ศูนย์วิชาการสารเสพติดภาคเหนือ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน พบว่ากลุ่มผู้ที่ใช้กัญชาในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานตอนต้น จะมีอยู่ 2 กลุ่ม กลุ่มที่หนึ่งคือ กลุ่มผู้ที่ใช้กัญชาอยู่แล้ว ซึ่งมีการใช้มาก่อนการปลดล็อกกัญชา และเมื่อมีการปลดล็อกกัญชา ทำให้เกิดเป็นกลุ่มที่สองคือ กลุ่มของผู้ใช้กัญชาหน้าใหม่ที่ต้องการทดลองใช้กัญชา ซึ่งกลุ่มที่น่าเป็นห่วงคือกลุ่มเยาวชนที่มีอายุตั้งแต่ 13-22 ปี
นายวัชรพงศ์ ยังกล่าวอีกว่า ในฐานะที่ตนทำงานเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะการทำงานกับชุมชน พบว่า การไม่รู้ข้อมูลจริงของกัญชาอาจจะเป็นปัญหาในอนาคต ตนมองว่าเด็กคนหนึ่งที่ใช้ยาเสพติด หรือใช้พืชเสพติดอย่างกรณีของกัญชา แต่ผู้ที่เป็นผู้ปกครอง หรือคนที่เป็นผู้นำชุมชน ไม่สามารถป้องกันเด็กจากสิ่งเหล่านี้ได้ โดยธรรมชาติของตัวเด็กมีความอยากรู้ อยากลองตามช่วงวัยอยู่แล้ว แต่ผู้ที่เป็นผู้ปกครองต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และคนที่เป็นผู้นำชุมชนจะต้องสร้างพื้นที่ปลอดภัย เพื่อให้ข้อมูลที่ดีและนำไปสู่การป้องกันไม่ให้เด็กเข้าไปสู่วงจรเกี่ยวกับยาเสพติด
ศ.ดร. อานัฐ ตันโช ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เปิดเผยว่า กัญชาที่ส่งผลกระทบต่อสังคมอยู่ในปัจจุบันนี้ คือกัญชาที่ถูกใช้ในทางสันทนาการ ซึ่งการปลดล็อกกัญชานั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้ในทางการแพทย์ ดังนั้นการนำเอากัญชาไปสูบ หรือนำเอาไปรับประทานเอง โดยไม่ได้ผ่านแพทย์ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัว
ซึ่งมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ไม่เคยปล่อยให้ช่อดอกออกไปสู่ประชาชน แต่จะส่งให้กรมการแพทย์ ปัจจุบันก็มีการส่งให้กรมการแพทย์แผนไทยแพทย์ทางเลือก ส่งให้คณะเภสัชของแต่ละมหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่ที่ส่งให้จะเป็นองค์กรที่เกี่ยวข้อกับทางการแพทย์เกือบทั้งหมด จะไม่ปล่อยให้ออกไปสู่ประชาชน และทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ไม่สนับสนุนการใช้กัญชาเพื่อการสันทนาการ
นายจารุวิชญ์ อินต๊ะรัตน์ หุ้นส่วนร้าน Luksoob – ลักสูบ ร้านขายกัญชาครบวงจรในตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การปลดล็อกกัญชาถือโอกาสของสตาร์อัพธุรกิจเกี่ยวกับกัญชา ที่ต้องการยกระดับให้ถูกต้องตามกฎหมาย สำหรับประเด็นข่าวเชิงลบเกี่ยวกับกัญชา เขามองว่า มีเพียงบางคน หรือกลุ่มบางกลุ่มเท่านั้นที่นำเอากัญชาไปใช้ในทางที่ผิด ทั้งที่กัญชามีประโยชน์หากใช้งานอย่างเหมาะสม
นายจารุวิชญ์ ยังกล่าวอีกว่า ทางร้านห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้ามาภายในร้าน และไม่ขายสินค้าเกี่ยวกับกัญชาให้เด็กที่อายุต่ำกว่า 20 ปีอยู่แล้ว รวมถึงสตรีมีครรภ์ทางร้านก็ไม่ขายให้ หากลูกค้าเป็นคนที่ไม่เคยสูบมาก่อน ทางงานก็จะให้ข้อมูลเกี่ยวกัญชา และแนะนำให้ลูกค้าซื้อไปทดลองใช้ก่อน หรือจะทดลองที่ร้านก็สามารถทำได้ เพราะทางร้านได้จัดพื้นที่สำหรับทดลองสูบไว้ภายในร้าน เพื่อไม่ให้ลูกค้าไปสูบรบกวนผู้อื่นในพื้นที่สาธารณะ และหากในอนาคตมีการออกกฎหมายลูกมา เกี่ยวกับการควบคุมการขายจำหน่าย หรือการผลิต ทางร้านก็พร้อมจะปรับตัวให้สามารถประกอบธุรกิจได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ข่าว/ภาพ : จักรินทร์ นมนาน สำนักข่าวเนชั่น ศูนย์ข่าวภาคเหนือ