ศ.ดร.สมบูรณ์ สุขสำราญ กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิในฐานะอุปนายกสภามหาวิทยาลัยรามคำแหงกล่าวถึงกรณีกรณีเมื่อวันที่ 5ก.ค. 2565 ได้มีการประชุมสภามหาวิทยาลัยรามคำแหงเพื่อพิจารณาระเบียบวาระเเต่ปรากฎว่าผู้ช่วยอธิการบดี 10 คน นำโดยนายปรมต วรรณบวร และนายเจษฎา อธิพงศ์วณิช ทำหนังสือถึงอุปนายกสภามหาวิทยาลัยทำหน้าที่แทนนายกสภามหาวิทยาลัยรามคำแหงเพื่อทวงถาม กรณีสภามหาวิทยาลัยชะลอการแต่งตั้งรองอธิการบดี 30 คนตามที่ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำเเหงเสนอ ทำให้บุคคลข้างต้นไม่มีโอกาสตำรงตำแหน่งรองอธิการบดี จึงขอเรียกร้องให้มีการแต่งตั้งรองอธิการบดีทั้ง 30 คน มิเช่นนั้น ผู้ร้องขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการทางกฎหมายกับสภามหาวิทยาลัยนั้น
"ในวันนั้นผมในฐานะอุปนายกสภามหาวิทยาลัย ทำหน้าที่แทนนายกสภามหาวิทยาลัย เเละประธานในที่ประชุม ได้อธิบายให้ที่ประชุมทราบว่า เหตุที่สภามหาวิทยาลัยยับยั้งการแต่งตั้งรองอธิการบดี 30คนไปเมื่อวันที่ 25เม.ย.2565พบว่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ไม่เคยนำเรื่องนี้กลับเข้าสู่ที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยอีกเลย เเละสภามหาวิทยาลัยชี้เเจงแล้วว่า การแต่งตั้งรองอธิการบดี 30 คน จะทำให้มหาวิทยาลัยรามคำแหงมีรองอธิการบดีที่แต่งตั้งใหม่รวมกับที่แต่งตั้งไปแล้วก่อนหน้านี้รวมทั้งสิ้น 42 คน ซึ่งไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน "ศ.ดร.สมบูรณ์ กล่าว
ศ.ดร.สมบูรณ์ กล่าวอีกว่า การที่อธิการบดีไม่ได้นำเรื่องกลับมาอีกเป็นดุลพินิจของอธิการบดี สภามหาวิทยาลัยไม่ได้ขัดขวางการแต่งตั้งแต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและสภามหาวิทยาลัยคำนึงถึงผลประโยชน์ของมหาวิทยาลัยเป็นสำคัญ
ดังนั้น หากกลุ่มอาจารย์ดังกล่าวต้องการเป็นรองอธิการบดีก็ควรหารือกับอธิการบดีเพื่อดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่ใช้วิธีเรียกร้องสภามหาวิทยาลัยอย่างไร้เหตุผล
"การกระทำกับสภามหาวิทยาลัยเช่นนี้มีแต่จะสร้างความแตกแยกและไม่ใช่วิสัยที่วิญญูชนกระทำ "อุปนายกสภามหาวิทยาลัย กล่าวเเละว่า ที่ประชุมมีมติส่งเรื่องดังกล่าวให้อธิการบดีชี้แจงให้กลุ่มผู้ช่วยอธิการบดีดังกล่าวเข้าใจและให้คณะกรรมการจรรยาบรรณของมหาวิทยาลัยพิจารณาว่าการเรียกร้องของคณาจารย์กลุ่มนี้ ผิดจรรยาบรรณของความเป็นอาจารย์หรือไม่และรายงานให้สภามหาวิทยาลัยทราบต่อไป
ปัจจุบันเป็นที่โจทย์ขานกันมากว่า ผู้ช่วยอธิการบดีทั้ง 30 คนที่เคยได้รับการเสนอชื่อให้เป็นรองอธิการบดี แม้จะยังไม่ได้รับการแต่งตั้งเเต่ทราบว่าอธิการบดีอนุมัติให้ผู้ช่วยอธิการบดีทั้ง 30 คนเข้าร่วมประชุมในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารงานบุคคลและคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยและได้รับค่าตอบแทนในการเข้าประชุมแต่ละครั้งอีกด้วยทั้ง ๆ ที่ไม่มีบทบัญญัติในระเบียบหรือข้อบังคับใดที่ระบุให้กระทำได้ ดังนั้นกรณีนี้อาจขัดต่อข้อบังคับของมหาวิทยาลัยและอาจเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการถูกกล่าวหาว่าเป็นการกระทำที่เอื้อประโยชน์ให้แก่พวกพ้อง
แหล่งข่าว จากอาจารย์ในมหาวิทยาลัยรามคำแหงอีกคนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่าการบริหารงานของอธิการบดีคนปัจจุบันมีปัญหาที่สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายหลายกรณี ขณะเดียวกัน อธิการบดียังถูกร้องเรียนเรื่องการคัดลอกผลงานทางวิชาการและอยู่ในระหว่างที่สภามหาวิทยาลัยกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะ การคัดลอกผลงานที่อาจสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นกับหลักสูตรที่ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ เป็นอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรอยู่ด้วย อันจะทำให้หลักสูตรไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานที่กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมกำหนดและทำให้นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่อาจไม่สำเร็จการศึกษาในหลักสูตรที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน"