10 กรกฎาคม 2565 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)รายงานคาดการณ์และแจ้งเตือนภัย ประจำวันที่ 10 กรกฎาคม 2565 ระบุว่า
พื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก
ภาคเหนือ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ภาคกลาง จ.ตราด (อ.บ่อไร่ คลองใหญ่ แหลมงอบ เกาะช้าง)
ภาคใต้
พื้นที่เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมขัง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ภาคกลาง
พื้นที่เฝ้าระวังคลื่นลมแรง
ภาคกลาง
ภาคใต้
ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการ ระวังอันตรายจากสัตว์และแมลงมีพิษ อันตรายจากกระแสไฟฟ้า และระวังการขับขี่พาหนะบริเวณน้ำไหลผ่านเส้นทาง
สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังคลื่นลมแรงให้ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรง ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง ส่วนนักท่องเที่ยวควรงดลงเล่นน้ำทะเล และสิ่งปลูกสร้างที่อยู่บริเวณชายทะเลให้ระมัดระวังผลกระทบจากคลื่นที่ซัดเข้าฝั่ง
นอกจากนี้ยังได้ รายงานจากอิทธิพลมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ โดยเมื่อวันที่ 9 – 10 ก.ค. 65
ได้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น และจันทบุรี รวม 2 อำเภอ 3 ตำบล 3 หมู่บ้าน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ปัจจุบันสถานการณ์ภาพรวมระดับน้ำลดลง นอกจากนี้ ยังได้เกิดวาตภัยในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา และกระบี่ รวม 16 อำเภอ 32 ตำบล 58 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 275 หลัง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย (นครศรีธรรมราข) ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือประชาชน
สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น และจันทบุรี รวม 2 อำเภอ 3 ตำบล 3 หมู่บ้าน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต แยกเป็น
1. ขอนแก่น เกิดอุทกภัยในพื้นที่อำเภอเมืองขอนแก่น รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน
2. จันทบุรี เกิดอุทกภัยในพื้นที่อำเภอแก่งหางแมว รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน
ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย สถานการณ์ภาพรวมระดับน้ำลดลง
สถานการณ์วาตภัยในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา และกระบี่ รวม 16 อำเภอ 32 ตำบล 58 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 275 หลัง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย แยกเป็น
1. สุราษฎร์ธานี เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพระแสง และอำเภอเวียงสระ รวม 3 ตำบล 9 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 35 หลัง
2. นครศรีธรรมราช เกิดวาตภัยในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอทุ่งใหญ่ อำเภอนาบอน อำเภอทุ่งสง อำเภอบางขัน อำเภอฉวาง และอำเภอช้างกลาง รวม 11 ตำบล 12 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 118 หลัง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย
3. พังงา เกิดวาตภัยในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพังงา อำเภอท้ายเหมือง อำเภอเกาะยาว อำเภอกะปง อำเภอตะกั่วทุ่ง อำเภอคุระบุรี และอำเภอทับปุด รวม 17 ตำบล 33 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 114 หลัง
4. กระบี่ เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอเขาพนม รวม 1 ตำบล 4 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 8 หลัง
สำหรับการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือประชาชน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ดูแลให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย และสำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ. รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง