สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ"ศรีลังกา"ยกระดับความตึงเครียด แม้กลุ่มผู้ชุมนุมหลายหมื่นคนฮือปิดล้อมทำเนียบประธานาธิบดีและเข้ายึดภายใน จนนายกฯศรีลังกา ประกาศยอมลาออก แต่เหตุการณ์ก็ยังตรึงเครียดเพิ่มขึ้นเมื่อล่าสุด ฝูงชนได้เดินทางไปยังบ้านพักส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี รานิล วิกรมสิงเห ก่อนจุดไฟเผาบ้านพังพินาศ
โดยเมื่อเวลาประมาณ 23.30 น. ผู้ประท้วงชาวศรีลังกา ได้จุดไฟเผาบ้านพักส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี"รานิล วิกรมสิงเห" แต่นายวิกรมสิงเห ไม่อยู่ตอนที่ฝูงชนบุกเข้าไป เพราะถูกพาตัวไปยังสถานที่ปลอดภัย
ภาพที่เผยแพร่โดยสื่อท้องถิ่น แสดงให้เห็นบ้านพักถูกเพลิงเผาผลาญ ท่ามกลางวงล้อมของฝูงชน
บ้านพักส่วนตัวซึ่งเป็นที่พักของนายรานิลและครอบครัว ตั้งอยู่ที่ฟิฟธ์ เลน ในย่านพาณิชย์ของกรุงโคลัมโบ ซึ่งแยกจากบ้านพักอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ที่เรียกว่า "เทมเปิล ทรีส์" (Temple Trees)
ก่อนหน้านี้ "นายรานิล" เพิ่งกล่าวว่า เขากำลังจะลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลจากทุกพรรคเข้ามาบริหารประเทศ ส่วนนายมหินทรา ยาภา อะเบย์วาร์เดนา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ประกาศเมื่อวันเสาร์ว่า ประธานาธิบดี"โกตาพญา ราชปักษา" จะลาออกในวันที่ 13 กรกฎาคม
การประกาศลาออกของประธานาธิบดี มีขึ้นหลังจากได้รับการร้องขอจากประธานสภาฯ และบรรดาหัวหน้า
พรรคการเมือง
รายงานล่าสุด สถานีโทรทัศน์ News 1 ของศรีลังกา รายงานว่า มีผู้สื่อข่าว 6 คน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยเฉพาะกิจที่อารักขาบริเวณด้านนอกหน้าบ้านพักส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีรานิล วิกรมสิงเห ใช้ความรุนแรงเข้าขัดขวางการทำหน้าที่
โดยผู้สื่อข่าว 2 คน ในจำนวนนี้ สังกัดช่อง News 1 (News First) ที่ใช้กล้องแบบ cameras rolling และคลิปวิดีโอที่ถูกเผยแพร่ออกอากาศสู่สายตาสาธารณชน แสดงให้เห็น ผู้สื่อข่าวทั้งสองถูกตำรวจผลัก จากนั้นได้เกิดความชุลมุน ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งล้มและถูกตีทั้งที่มือยังถือกล้อง
ด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการทำร้ายผู้สื่อข่าวได้ถูกสั่งพักงานแล้วโดยทันที
ขณะที่นายกรัฐมนตรีรานิล วิกรมสิงเห ได้ออกแถลงการณ์ประนามการทำร้ายผู้สื่อข่าวเช่นกัน โดยระบุว่า เสรีภาพสื่อเป็นจุดสูงสุดแห่งประชาธิปไตยในศรีลังกา และเรียกร้องให้ทั้งฝ่ายความมั่นคงและผู้ประท้วง อดกลั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ความรุนแรงเพื่อเป็นหลักประกันต่อความปลอดภัยสาธารณะ