ยูเครนชนะข้อพิพาท "ซุปท้องถิ่น" กับรัสเซีย

ยูเครนอ้างว่าได้รับชัยชนะในข้อพิพาทด้านอาหารกับรัสเซีย หลังจากหน่วยงานด้านวัฒนธรรมของสหประชาชาติหรือยูเนสโก ได้บรรจุซุปบีทรูทแบบดั้งเดิม หรือซุปบอชช์ ในรายการมรดกทางวัฒนธรรมของยูเครนที่ได้รับการคุ้มครอง และต้องได้รับการปกป้องอย่างเร่งด่วน เนื่องจากการรุกรานของรัสเซียที่อาจส่งผลร้ายแรงต่อวัฒนธรรมอาหารของยูเครน

แม้ว่าตลอดช่วงเวลาที่ยาวนานในประวัติศาสตร์ ซุปบอชช์จะถือเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมและบริโภคกันอย่างแพร่หลายในรัสเซีย ไปจนถึงประเทศอื่น ๆ ในยุโรปตะวันออก แต่สำหรับชาวยูเครน ซุปสีแดงเข้มข้นที่มีบีทรูทเป็นวัตถุดิบหลักชามนี้ถือเป็นอาหารประจำชาติ  พวกเขาอ้างถึงหลักฐานทางประวัติศาสตร์หลายร้อยหน้าที่ยืนยันว่าวัฒนธรรมการทำซุปบอชช์มีต้นกำเนิดจากยูเครน

นี่นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ยูเนสโกมีการเสนอชื่อมรดกวัฒนธรรมแบบก้าวข้ามคิวก่อนหน้า และได้รับการพิจารณาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากการรุกรานทางทหารของรัสเซีย ที่ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อวัฒนธรรมยูเครน อย่างเช่นซุปบอชช์ซึ่งเกิดจากการที่คนในชุมชนมักจะนำผักท้องถิ่นที่ปลูกมาแบ่งปันกัน แต่สงครามทำให้พวกเขาต้องแยกจากจนบางส่วนกลายเป็นคนพลัดถิ่น ทั้งยังบ่อนทำลายความเป็นอยู่ที่ดีทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชน รวมถึงความกังวลที่ชาวยูเครนมองว่ารัสเซียจะขโมยวัฒนธรรมของพวกเขาไปเป็นของตัวเอง อย่างไรก็ตาม สถานะใหม่นี้จะทำให้ยูเครนสามารถยื่นขอเงินทุนพิเศษเพื่อสนับสนุนโครงการส่งเสริมและปกป้องวัฒนธรรมอาหารดังกล่าวได้

โอเล็กซานดร์ ทคาเชนโก รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมของยูเครน ออกมากล่าวผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า "นี่เป็นชัยชนะของเรา เราชนะในสงครามบอชช์ และเราจะชนะในสงครามกับรัสเซียด้วย"

ด้านมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ออกมาประณามสถานะใหม่ของซุปบอชช์ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในรัสเซียว่า เป็นตัวอย่างของ "ลัทธิชาตินิยมสมัยใหม่" ขณะที่ชาวรัสเซียบางส่วนก็ออกมาแสดงความไม่พอใจ ระบุว่า ซุปบอชช์ไม่ควรมีสัญชาติ เหมือนกับอาหารอื่นอย่างขนมปังหรือมันฝรั่ง เพราะรัสเซียเองก็มีวัฒนธรรมการทำซุปบอชช์ในแบบของรัสเซียเหมือนกัน