28 มิถุนายน 2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยกรณีสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว หลังประชุมร่วมกันกับนายธงทอง จันทรางศุ ประธานกรรมการบริหารบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด ที่อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการกทม. ดินแดง ว่า จะต้องสรุปความคืบหน้าเรื่องนี้ภายใน 1 เดือน โดยสิ่งสำคัญคือ การคิดราคารถไฟฟ้าส่วนต่อขยายส่วนที่ 2 ที่เป็นภาระหนี้ ปัจจุบันมีคนใช้อยู่ 27% โดยเบื้องต้นเรื่องราคาคงเป็นไปตามข้อเสนอของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ที่ให้เก็บค่าโดยสารตลอดสายไม่เกิน 59 บาท
โดยส่วนต่อขยาย แบริ่ง-เคหะสมุทรปราการ และห้าแยกลาดพร้าว-คูคต สำหรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อขยายเก็บ 15 บาท เมื่อรวมกับเส้นทางหลักสัมปทานเก็บได้สูงสุดไม่เกิน 59 บาท
ปัจจุบันรถไฟฟ้าสายสีเขียวมีหนี้ส่วนต่อขยายราว 100,000 ล้านบาท และมีหนี้โครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล แบ่งเป็นหนี้วางระบบรถประมาณ 19,000 ล้านบาท และหนี้ค่าจ้างเดินรถ 13,000 ล้านบาท ซึ่งต้องพิจารณา 2 ส่วน ได้แก่ การคิดอัตราค่าโดยสารที่ไม่ได้ขึ้นมานานหลายปี และการต่อสัญญาสัมปทาน คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนหน้า
นายชัชชาติ กล่าวต่อ สำหรับอัตราค่าโดยสาร รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายเก็บ 15 บาท เมื่อรวมกับเส้นทางหลักสัมปทานเก็บได้สูงสุดไม่เกิน 59 บาท สำหรับระยะเวลาที่จะเริ่มเก็บ อยากให้เร็วที่สุด เดิมตั้งเป้าจะเริ่มเก็บวันที่ 1 ก.ค.นี้ แต่ทางสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) แจ้งว่าอาจจะไม่ทัน เพราะต้องหารือกับบริษัท บีทีเอส เนื่องจากต้องมีการปรับแก้ไขระบบซอฟต์แวร์การคำนวณค่าโดยสารส่วนต่อขยาย
ทั้งนี้ เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ช่วงหมอชิต-คูคต ระยะทาง 19 กม. จำนวน 16 สถานี ช่วงแบริ่ง-เคหะสมุทรปราการ ระยะทาง 13 กม. จำนวน 9 สถานี