27 พฤษภาคม 2565 นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่สำนักงานแพทย์เพื่อกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทยปี 2565 จำนวน 34 คน ประกอบด้วย แพทย์ เภสัชกร พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเตรียมความพร้อมในการดูแลสุขภาพชาวไทยมุสลิมที่เดินทางไปแสวงบุญในปีนี้ 3,738 คน
นายแพทย์สุระ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีความห่วงใยสุขภาพของชาวไทยมุสลิม ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ นครเมกกะห์ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากในแต่ละปีจะมีผู้แสวงบุญจากทั่วโลกกว่า 3 ล้านคนไปรวมตัวกันเพื่อประกอบพิธี ซึ่งอาจมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อโรคโควิด-19 หรือโรคติดต่ออื่นๆ ได้ง่าย รวมถึงเจ็บป่วยจากโรคประจำตัว และเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคจากสภาพแวดล้อม
ดังนั้นต้องสร้างความรู้ความเข้าใจในการดูแลสุขภาพให้แก่ชาวไทยมุสลิมที่จะไปประกอบพิธี โดยมอบหมายให้ศูนย์บริหารการพัฒนาสุขภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศบ.สต) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และเครือข่ายสถานบริการสาธารณสุขในพื้นที่ จัดระบบบริการสุขภาพตั้งแต่ก่อนเดินทาง โดยอบรมให้ความรู้ในการดูแลตนเองด้านสุขภาพ ฉีดวัคซีน คัดกรองความเสี่ยง รวมถึงสนับสนุนยาสามัญประจำบ้าน หน้ากากอนามัย และจัดตั้งคลินิกฮัจย์ในสถานบริการสาธารณสุข
นายแพทย์สุระ กล่าวต่อว่า ในช่วงระหว่างประกอบพิธี กระทรวงสาธารณสุขได้ส่งทีมแพทย์ไปให้การดูแล พร้อมจัดตั้งโรงพยาบาลชั่วคราว มีเตียงสำหรับผู้ป่วยใน 20 เตียง ให้บริการตรวจรักษา ทำหัตถการฉุกเฉินและส่งรักษาต่อ รวมถึงบริการเชิงรุกด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในที่พักของผู้แสวงบุญ
หลังเสร็จสิ้นการแสวงบุญเดินทางกลับภูมิลำเนา ได้จัดบริการคัดกรองความเสี่ยงและเฝ้าระวังป้องกันโรคติดต่อต่อเนื่องโดยได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายผู้นำกลุ่ม (แซะห์) เข้ารับการฝึกอบรมเป็น อสม.ฮัจย์ ซึ่งในปีนี้มีผู้ผ่านการอบรม 350 คน ช่วยแนะนำการดูแลสุขภาพร่วมกับทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยและเสียชีวิต
ทั้งนี้ จากรายงานการให้บริการของสำนักงานแพทย์เพื่อกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย ในปี 2562 มีผู้ป่วยที่ต้องส่งต่อไปโรงพยาบาลในราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย 37 ราย รับไว้รักษาในสำนักงานแพทย์เพื่อกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย 191 ราย สำหรับผู้ป่วยนอกมี 10,040 ราย ส่วนใหญ่เจ็บป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจและอ่อนเพลียจากการเดินทาง
ส่วนผู้เสียชีวิตมี 8 ราย ลดลงจากปี 2550 ถึง 8 เท่า โดยส่วนใหญ่เสียชีวิตจากโรคหัวใจขาดเลือดและภาวะหายใจล้มเหลวเนื่องจากถุงลมโป่งพอง