จากกรณีคลิปไวรัลเมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์คลิประบุว่าเจอ "นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. โดยในคลิปปรากฏภาพนายชัชชาติ และทีมงานกำลังเรียกแท็กซี่ เมื่อแท็กซี่จอดรับ เมื่อนายชัชชาติเข้าไปในรถสักระระกลับลงออกมาจากรถ ทำให้หลายคนเข้าใจว่า “ชัชชาติถูกแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร” และเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการแซวเล่น หรือการมองว่าขนาดผู้ว่าฯกทม.ยังโดนจึงต้องเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขโดยด่วน
ต่อมา (24 พ.ค.65) นายชัชชาติ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวชี้แจงประเด็นดังกล่าวว่า “จากคลิปเมื่อคืนที่มีการส่งต่อกันมาก ว่าผมถูกปฏิเสธจากพี่คนขับแท็กซี่ ขออธิบายว่าไม่เป็นความจริงนะครับ รถแท็กซี่กำลังรอลูกค้าจาก Grab พี่คนขับเข้าใจผิดว่าผมเป็นคนเรียก ผมจึงต้องลงแล้วรอเรียกคันใหม่ พี่คนขับให้เกียรติผมเป็นอย่างดีครับ”
ล่าสุด (25 พ.ค.65) ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “วันนี้ผมมาขอโทษพี่ลอง คนขับ Grab Taxi ที่เป็นข่าว และต้องเดือดร้อนจากคลิปที่ผมขึ้นรถแล้วต้องลง เพราะพี่ลองนึกว่าผมเป็นผู้โดยสารที่เรียก Grab มา โดยกรมขนส่งทางบกเรียกพี่ลองไปสอบสวนข้อเท็จจริงเมื่อวาน”
“พี่ลองมีลูกสาว 1 คนตอนนี้กำลังเรียนปริญญาโทและทำงานไปด้วยอยู่ที่ระยอง พี่ลองเล่าว่าช่วงโควิดลำบากมาก ส่วนใหญ่ไม่มีลูกค้า บางวันมีแต่ก็น้อยมาก ช่วงนั้นขับได้เฉลี่ยวันละ 300 บาท ค่าเติมแก๊สตกวันละ 200 บาท ที่เหลือหารกับเจ้าของอู่แท็กซี่คนละครึ่ง เหลือใช้วันละ 50 บาท แต่ตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้น รายได้ส่วนใหญ่มาจากการขับ Grab Taxi ที่หักค่าใช้จ่ายต่อวันแล้วเหลือใช้วันละ 500-600 บาท”
“การทำให้คนส่วนใหญ่เข้าถึงเทคโนโลยีในสมัยนี้เป็นสิ่งที่จำเป็น หนึ่งในนโยบายของเราคือการมีอาสาสมัครเทคโนโลยี (อสท.) เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุหรือช่วยเหลือคนในชุมชนเพื่อสนับสนุนด้าน Digital ของประชาชน เพื่อเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจและเป็นการเพิ่มตัวเลือกให้กับผู้บริโภคได้อีกทาง”
“ผมขอเป็นกำลังใจให้พี่ๆทุกคน ในการเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีเพื่อเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการหารายได้ และผ่านวิกฤติโควิดนี้ไปได้ครับ”