โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวรายงานสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่าขณะนี้ พบผู้ป่วยรายใหม่ 6,463 ราย แบ่งเป็น ติดเชื้อในประเทศ 6,49 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 1 ราย จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 23 ราย มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสม ตั้งแต่เดือนม.ค.2565 จำนวน 2,177,943 ราย
ผู้เสียชีวิต 41 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่เดือน ม.ค. 2565 จำนวน 7,980 ราย หายป่วยแล้ว 7,091 ราย หายป่วยสะสมตั้งแต่เดือนม.ค.2565 จำนวน 2,144,296 ราย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่าสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ปัจจุบันมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ ต่ำกว่าเส้นที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงผู้ป่วยปอดอักเสบ ก็มีจำนวนต่ำกว่าช่วงที่มีการคงมาตรการต่างๆ และคาดการณ์ว่าจะพบการแพร่โรคต่อเนื่องไปทุกจังหวัด ซึ่งถือได้ว่าอาจมาเป็นทางบวก และการเสียชีวิตต่ำกว่าเส้นที่คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับการวางแผนมาตรการด้านสาธารณสุข เพื่อเตรียมพร้อมโควิด-19 เข้าสู่โรคประจำถิ่น พบว่ามีการขยับเข้ามาจากเดิม 2 สัปดาห์ เส้นระยะที่ 3 Declining มีการเกิดขึ้นในช่วยปลายพ.ค.ถึง ต้นมิ.ย.
เพราะฉะนั้นในการจะประกาศเป็นโรคประจำถิ่น ยังคงยึดตามช่วงเดิมคือวันที 1 ก.ค.2565 เพราะต้องดูในช่วงของการเปิดเทอม และการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ อย่าง การเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ ดังนั้น ขอให้ทุกคนปฎิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด เพื่อทำให้วันที่ 1 ก.ค.2565 เกิดขึ้นจริง
ผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง ไม่ต้องกักตัว สังเกตอาการตนเอง 10 วัน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อไปว่าที่ประชุมได้รับทราบขอปรับเปลี่ยน แนวทางการจัดการผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงของผู้ป่วย/ผู้ติดเชื้อโควิด ให้สังเกตอาการตนเอง 10 วัน (ไม่กักตัว) และตรวจ ATK เมื่อมีอาการป่วยระบบทางเดินหายใจ
โดยผู้สัมผัสเสี่ยงสูง สามารถไปทำงานได้ ซึ่งต้องแยกพื้นที่กับผู้อื่น ปฎิบัติตามมาตรการ Universal Prevention งดไปสถานที่สาธารณะ งดร่วมกิจกรรมร่วมกลุ่มคนจำนวนมาก และงดใช้ขนส่งสาธารณะที่หนาแน่น
ยกเว้น กลุ่มผู้ดูแลสัมผัสใกล้ชิดกลุ่ม 608 และเด็กเล็ก ให้งด การอยู่ใกล้ชิดกลุ่มดังกล่าว อย่างน้อย 10 วัน และตรวจ ATK ในวันที่ 5 และ 10 หลังสัมผัสครั้งสุดท้าย หรือเมื่อมีอาการป่วย
ปรับพื้นที่สีเขียว- พื้นที่สีฟ้า เปิดสถานบันเทิงถึงเที่ยงคืน 1 มิ.ย.นี้
นอกจากนั้น ได้มีการ ปรับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร ได้แก่ พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) จาก 65 จังหวัด ลดลงเหลือ 46 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) เพิ่มเป็น 14 จังหวัด พื้นที่สีฟ้า (นำร่องท่องเที่ยว) จาก 12 จังหวัด เพิ่มขึ้นเป็น 17 จังหวัด จังหวัดอื่นดำเนินการบางพื้นที่ จาก 16 จังหวัด เป็น 12 จังหวัด
รวมถึง เห็นชอบ (ร่าง) แผนการปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 สำหรับสถานบริการ สถานประกอบการ ที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ หรือ สถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน เริ่ม 1 มิ.ย. 2565 ในพื้นที่ในการเปิดดำเนินการ ได้แก่ พื้นที่สีฟ้า และพื้นที่สีเขียว
เช็กมาตรการป้องกันโรคในแต่ละพื้นที่โซนสี
ทั้งนี้ จากการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.ชุดใหญ่) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เป็นประธาน มีมติเห็นชอบปรับพื้นที่สถานการณ์และมาตรการป้องกันโรคแบบบูรณาการดังนี้
การจัดกิจกรรมรวมกลุ่ม
พื้นที่เฝ้าระวังสูง
พื้นที่เฝ้าระวัง และพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว
สถานศึกษาทุกระดับ สถาบันกวดวิชา
พื้นที่เฝ้าระวังสูง
พื้นที่เฝ้าระวัง และพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว
สถานที่เล่นกีฬา สนามกีฬา ลานกีฬา สระน้ำ หรือสถานที่จัดแข่งขันกีฬา
พื้นที่เฝ้าระวังสูง
พื้นที่เฝ้าระวังหรือพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว
โรงภาพยนตร์ โรงมหรสพ การแสดงพื้นบ้าน หรือสถานที่ลักษณะเดียวกัน
พื้นที่เฝ้าระวังสูง พื้นที่เฝ้าระวัง และพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว
ส่วนแผนการปรับมาตรการป้องกันโรค สำหรับสถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบ อบ นวด หรือสถานที่อื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายกัน
พื้นที่ในการเปิดดำเนินการ คือ พื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว(พื้นที่สีฟ้า) และพื้นที่เฝ้าระวัง(พื้นที่สีเขียว )
ลักษณะการเปิดให้บริการ กำหนดดังนี้
กิจกรรม
มาตรการสำหรับผู้ให้บริการ
มาตรการสำหรับผู้รับบริการ
มาตรการสำหรับสถานประกอบการ
ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สถานการณ์โควิด19 มีทิศทางดีขึ้นต่อเนื่อง น่าจะเข้าสู่การเป็น "โรคประจำถิ่น" เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ตามกำหนดกว่าครึ่งเดือน จึงให้ทุกหน่วยงานเตรียมวางแผนการดำเนินงานรองรับ โดยเฉพาะเรื่องระบบบริการสาธารณสุข ซึ่งขณะนี้สายพันธุ์ โอไมครอน มีความรุนแรงลดลงอย่างมาก ความรุนแรงน้อยกว่าโรคไข้หวัดใหญ่ ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่มีอาการ หรือมีอาการคล้ายไข้หวัด ประกอบกับการฉีดวัคซีนโควิด19 มีความครอบคลุมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง