19 พฤษภาคม 2565 ความคืบหน้า สหราชอาณาจักร ยืนยันพบผู้ติดเชื้อ “โรคฝีดาษลิง” (Monkeypox) ในอังกฤษรวม 7 รายแล้ว ทำให้ผู้คนเริ่มหวาดกลัวเป็นวงกว้าง เนื่องจากเป็นโรคที่ติดจากสัตว์มาสู่คน ล่าสุดมีพบในสหรัฐฯ 1 ราย
ล่าสุด ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุถึงฝีดาษลิง ว่า โรคนี้ไม่ใช่โรคอุบัติใหม่ มีมานานกว่า 10 ปี โดยพบผู้ป่วยรายแรกที่แอฟริกา และมีความแตกต่างจากเชื้อผีดาษในคน ที่พบว่า สามารถติดต่อทางระบบทางเดินหายใจ และสารคัดหลั่งจากการไอ จาม
“ ฝีดาษในลิงนี้ จะมีการติดต่อได้จากการสัมผัสบาดแผล หรือฝีหนอง และเป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน โรคนี้พบในลิงแอฟริกา แต่มีพาหะคือหนู หรือ สัตว์ฟันแทะ ตระกูลหนู กระรอก ทั้งนี้การที่พบผู้ป่วยในต่างประเทศ ก็มาจากการเลี้ยงสัตว์แปลก หรือ มีการเดินทางไปที่แอฟริกามาก่อน ”
หมอยง กล่าวอีกว่า การติดต่อของฝีดาษลิง ถือว่าติดต่อได้ยากเมื่อเทียบกับฝีดาษคน เพราะต้องสัมผัสกับ บาดแผล ฝีหนอง ของคนป่วย ทำให้เกิดอาการไข้ ไอ เจ็บคอ และมีตุ่มแดงขึ้น จากนั้นพัฒนากลายเป็นตุ่มน้ำใส และแตกออก ส่วนใหญ่มีอาการประมาณ 2-4 วันก็สามารถหายได้ ส่วนระยะเวลาการฟัเชื้อ 5-14 วัน แต่บางคนก็มีอาการรุนแรงเสียชีวิตได้ เนื่องจากมีภูมิคุ้มกันต่ำ ประมาณ 10%
ดังนั้นโรคนี้แก้ได้ ด้วยการรักษาสุขอนามัย หมั่นล้างมือ และหากมีอาการไอ จาม ก็ควรสวมหน้ากากอนามัย ทั้งนี้โรคนี้มีวัคซีน และสามารถใช้วัคซีนฝีดาษในคนป้องกันได้ แม้จะให้ผล 85% แต่ทั้งนี้ที่คนส่วนใหญ่ต้องเร่งขจัดโรคฝีดาษลิงไม่แพร่ เนื่องจากการพบฝีดาษลิงในคน เท่ากับการทำให้ไวรัสมีการพัฒนา ข้ามสายพันธุ์ หากมากขึ้นก็อาจกลายพันธุ์ได้ ฉะนั้นทำให้นานาประเทศต้องเร่งขจัด
สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย ศ.นพ.ยง ระบุว่า ยังไม่ต้องแตกตื่นและกังวลกับโรคนี้ ยังไม่ได้เกิดในไทย และเชื้อนี้ก็ไม่มีในลิงของไทย มีเชื้อเฉพาะในลิงแอฟริกา
“ หากผ่านโควิดมาได้ การป้องกันตัวโรคนี้ก็ไม่แตกต่างกัน สุขอนามัย เป็นเรื่องสำคัญและอย่าได้เลี้ยงสัตว์แปลกจากต่างประเทศ ส่วนฝีดาษในคน ประเทศไทยได้ขจัดโรคนี้จากการปลูกฝี และหมดไปในปี 2517 ฉะนั้นเด็กที่เกิดหลังปี 2517 ก็จะไม่พบโรคนี้อีก ” หมอยง ระบุในตอนท้าย
ขอบคุณข้อมูล : สำนักข่าวไทย