svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

อดีตพระกาโตะ พบตำรวจปปป.-สอบปากคำละเอียด

17 พฤษภาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"อดีตพระกาโตะ เข้าพบตำรวจปปป. ให้การละเอียดระบุชัด มีอำนาจเบิกจ่ายเงินร่วมกับกรรมการวัดอีก 2 คน ทั้งหมด 1.2 ล้านบาท โอนให้พระดอน 6 แสน สีกาตอง 3 แสน เบิกใช้จ่าย 2 แสน และเข้าบัญชีส่วนตัวอีก 1 แสน เตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดชี้แจง ตรวจบัญชีย้อนหลัง-ทุจริตหรือไม่

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 17 พ.ค. ที่ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) นายพงศกร จันทร์แก้ว หรือ อดีตพระกาโตะ นักเทศน์ชื่อดังที่ตกเป็นข่าวฉาวมีความสัมพันธ์กับสีกา เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. และ คณะพนักงานสอบสวนตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหา “ยักยอกทรัพย์” จากกรณีเบิกถอนเงินวัดเพ็ญญาติ จ.นครศรีธรรมราช มาให้สีกาตอง และ พระคนกลาง เพื่อปกปิดเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อซักถามรายละเอียดต่างๆ ของเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด

 

การเชิญตัวมาวันนี้ เกิดขึ้นหลังจากตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นำโดย บก.ปปป. และ บก.ป. ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า จากการตรวจสอบสถานะตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสวัดเพ็ญญาตินั้น พบว่าหลังจากที่หลวงพ่อกล่อม เจ้าอาวาสรูปก่อน ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของอดีตพระกาโตะ ได้มรณภาพเมื่อปี 2564 หลวงพ่อกล่อมได้ฝากให้พระราชวรญาณ เจ้าอาวาสวัดบุปผาราม กทม. ซึ่งเป็นเครือญาติกันให้เป็นผู้ดูแลวัดต่อ โดยเจ้าคณะตำบล ได้แต่งตั้งพระราชวรญาณ เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดอย่างถูกต้องตามขั้นตอน 

เนื่องจากอุปสรรคเรื่องระยะทางที่ไกลพอสมควร มีความยากลำบากในการดูแลวัด พระราชวรญาณจึงได้มอบหมายหน้าที่ให้อดีตพระกาโตะ ช่วยดูแลจัดการเรื่องวัดในตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสแทน โดยไม่ปรากฏว่ามีการตั้งแต่งเป็นหนังสือหรือเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการ จึงเชื่อว่าเป็นเพียงการมอบหมายหน้าที่ด้วยทางวาจาให้ดูแลวัด จึงมีความเป็นไปได้ว่า อดีตพระกาโตะ อาจไม่ใช่เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย พ.ร.บ.สงฆ์ และอาจไม่มีความผิดในฐานะเป็นเจ้าพนักงานทุจริตเงินวัด ตาม ป.อาญา มาตรา 147 แต่อาจจะเข้าข่ายเป็นความผิดฐานยักยอกเงินวัด ตาม ป.อาญา มาตรา 352 แทน

 

ภายหลังพระราชวรญาณในฐานะรักษาการเจ้าอาวาสวัดเพ็ญญาติที่แท้จริง รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่สร้างความเสียหายกับทางวัดจึงแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ผบก.ปปป. ให้สอบสวนดำเนินคดีกับอดีตพระกาโตะและผู้ที่เกี่ยวข้องในข้อหายักยอกทรัพย์หรือความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ในส่วนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับเงินที่อดีตพระกาโตะยักยอกจากวัดนั้น อาจมีความผิดฐานรับของโจรทั้งสีกาตองและคนกลางหรือพระดอนผู้รับเงินดังกล่าวชื่งอ้างว่าจะนำไปเคลียร์สื่อ

 

ในส่วนของสีกาตองนั้น หากพบว่ามีพฤติการณ์เป็นไปในลักษณะข่มขู่เพื่อเรียกร้องเงินแลกกับการปกปิดความลับหรือแบล็กเมลจริงนั้นก็อาจเข้าข่ายเป็นการรีดเอาทรัพย์ผู้อื่น ซึ่งมีอดีตพระกาโตะในฐานะเป็นผู้เสียหาย ย่อมสามารถใช้สิทธิเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนได้เช่นกันเพื่อความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

สำหรับการตรวจสอบเรื่องเงินนั้น เบื้องต้นพบข้อมูลว่าผู้ที่มีอำนาจลงนามเบิกถอนเงินบัญชีวัดมี 3 คน คือ 1.อดีตพระกาโตะ 2.ช่างบ่าว หรือนายสันติ จงราช (กรรมการวัด) และ 3.นายจุน (นามสมมุติ) กรรมการวัด อีก 1 คน ซึ่งขั้นตอนการเบิกถอนเงินแต่ละครั้ง จะต้องมีการลงนาม 2 ใน 3 คน จึงจะสามารถเบิกเงินจากบัญชีได้

 

จากการตรวจสอบพบว่า การถอนเงินส่วนใหญ่ที่ผ่านมา จะมีเฉพาะอดีตพระกาโตะ กับ นายสันติ หรือช่างบ่าว เพียง 2 คนเท่านั้น ที่ลงนามเบิกเงินวัดมาโดยตลอด และตามที่มีข่าวว่าอดีตพระกาโตะได้เบิกเงินจากบัญชีวัดจำนวน 6 แสนบาทไปให้สีกาตองและพระคนกลางนั้น เมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2565 มีการเบิกเงินจำนวน 6 แสนบาทจริง ซึ่งเชื่อมโยงสอดคล้องกับข้อมูลตามข่าวและคำยอมรับของพระกาโตะและสีกาตองที่ให้สัมกาษณ์กับสื่อก่อนหน้านี้จริง

 

"จากข้อมูลพบว่า เงิน 6 แสนบาทดังกล่าว แจกแจงแบ่งเป็นเงินสดให้อดีตพระกาโตะ 3 แสนบาท เพื่อนำไปจ่ายให้สีกาตอง ส่วนที่เหลืออีก 3 แสนบาท ได้เข้าบัญชีของนายสันติ หรือช่างบ่าว เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายวัด จำนวน 2 แสน และโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของพระกาโตะ 1 แสนบาท ซึ่ง 3 แสนพบว่ายังไม่ได้มอบให้พระคนกลางตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด"

 

เมื่อสืบสวนขยายผลพบว่า นอกจากเงิน 6 แสนที่เบิกถอนมาในตอนแรก อดีตพระกาโตะกับนายสันติ ยังได้มีการเบิกถอนเงินเพิ่มเติมอีก 2 ครั้ง คือในวันที่ 25 เม.ย. 2565 จำนวน 5 แสนบาท และเบิกเงินในวันที่ 27 เม.ย. 2565 อีกจำนวน 1 แสนบาท รวมเป็นเงินที่เบิกถอนมาทั้งหมด 1.2 ล้านบาท โดยส่วนเงิน 5 แสน ได้โอนเข้าบัญชีนายสันติ จากนั้นนายสันติได้โอนเงิน 3 แสนต่อให้พระดอน ซึ่งเชื่อว่าเงิน 3 แสนดังกล่าว น่าจะเป็นเงินที่อดีตพระกาโตะให้พระดอนนำไปเคลียร์สื่อ และที่เหลืออีก 3 แสน นายสันติได้โอนให้พระดอนทั้งหมด เท่ากับว่ามีการโอนเงินให้พระดอนทั้งหมด 6 แสนบาท และไม่ทราบว่าพระดอนนำเงิน 6 แสนบาท ดังกล่าวไปทำอะไร

 

ต่อมาภายหลังพบว่า พระดอน ที่มีหมายจับติดตัวหลายคดีซึ่งได้หายตัวไปก่อนหน้านี้ จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2565 พระดอนได้นำเงินมาคืนให้กับผู้เสียหายในคดีเช็คเด้ง ที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช และผู้เสียหายได้ถอนคำร้องทุกข์ไม่ติดใจเอาความอีก จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าพระดอนอาจนำเงินที่ได้รับโอนจากอดีตพระกาโตะและนายสันติ มาจ่ายให้กับผู้เสียหายในคดีเช็คดังกล่าวหรือไม่

 

หลังจากนี้ทางตำรวจสอบสวนกลาง โดย บก.ปปป.จะทำการเรียกตัวพระกาโตะ, สีกาตอง, นายสันติ และ พระดอน มาชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินของวัดดังกล่าว หากสอบสวนพบว่ามีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิดต้องดำเนินการตามกฎหมาย และตรวจสอบการเปิดบัญชีวัดว่ามีรายละเอียด และเงื่อนไขวัตถุประสงค์อย่างไร และตรวจสอบการเบิกเงินในบัญชีวัดย้อนหลังว่ามีการเบิกใช้จ่ายเงินอย่างถูกต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของวัดหรือไม่ หรือทุจริตเงินวัดไปใช้จ่ายส่วนตัวอย่างอื่นอีกหรือไม่

logoline