วิริยะประกันภัย ส่งเสริมปลูกหญ้าเนเปียร์ถูกและดีเลี้ยงช้าง

    วันที่ 28 เมษายน 2565 จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ ปี 2563 ทำให้ภาคธุรกิจด้านการท่องเที่ยวอย่างปางช้างในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับผลกระทบไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวทำให้ขาดรายได้ในการดูแลช้าง ส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงการซื้ออาหารเลี้ยงช้าง อย่างหญ้าเนเปียร์ ที่ช้าง 1 เชือก บริโภคประมาณ 200-300 กิโลกรัมต่อวัน ทาง บมจ.วิริยะประกันภัย ได้เล็งเห็นถึงปัญหา จึงได้เข้าไปให้การสนับสนุน โคงการ “การพัฒนาเครือข่ายเกษตรกรผู้ผลิตพืชอาหารเลี้ยงช้าง เพื่อสร้างเศรษฐกิจรากฐานอย่างยั่งยืน ในพื้นที่อำเภอแม่แตงและแม่วาง จ.เชียงใหม่” ของ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

     โดยโครงการนี้มีจุดประสงค์เพื่อ สำรวจความต้องการหญ้าเนเปียร์และปัญหาที่พบจากการ ใช้หญ้าของสถานที่เลี้ยงช้างในพื้นที่อำเภอแม่แตงและแม่วาง สร้างแปลงสาธิตปลูกหญ้าเนเปียร์ที่มีคุณภาพ และประเมินคุณภาพของหญ้าเนเปียร์โดยใช้การชี้วัดทางสุขภาพของช้าง ภายใต้การดำเนินการ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

     โดย นายพงษ์ทิวา กฤษณพันธุ์ รองผู้จัดการฝ่ายปฎิบัติการภาค 1 (ภาคเหนือ) บมจ.วิริยะประกันภัย ได้นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ สำรวจและติดตามผลการดำเนินงานของโครงการ ที่พื้นที่ปลูกหญ้าเนเปียร์ ในอ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ที่มีเนื้อที่กว่า 20 ไร่ ของนาย เสริมวิชัย ลิขิตเบญจกุล เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการ ที่สามารถผลิตหญ้าเนเปียร์ ป้อนให้ปางช้างได้ถึงวันละ 2-3 ตัน สร้างรายได้ให้เกษตรกรวันละ 1,200 – 1,800 บาท

     หลังจากนั้นได้ลงพื้นที่ตรวจสอบช้างที่บริโภคหญ้าในโครงการ ที่ไร่อ้อมกอดขุนเขา ในพื้นที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ที่มีช้างในดูแลทั้งหมด 4 เชือก นอกจากจะนำหญ้าไปป้อนให้กับช้างแล้ว ยังมีการเยี่ยมชมการทำงานของคณะสัตวแพทย์ ในการเก็บตัวอย่างเพื่อใช้ในการชี้วัดทางสุขภาพของช้าง นอกจากนี้ทาง บมจ.วิริยะประกันภัย ได้มีการมอบผลไม้หลายร้อยกิโลกรัมให้กับช้างทั้ง 4 เชือกอีกด้วย

     นายพงษ์ทิวา กฤษณพันธุ์ กล่าวว่า ตั้งแต่วิกฤติโควิด-19 เข้าโจมตีการท่องเที่ยวของประเทศไทย ทำให้ปางช้างต่างๆได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ปางช้างบางแห่งต้องปิดกิจการไป ปางช้างหลายแห่งยังคงดำเนินกิจการต่อ แต่มีการลดขนาดลง แต่ยังคงแบกต้นทุนจำนวนมากเอาไว้ ทำให้รายจ่ายเพิ่มขึ้นแต่รายได้แทบไม่มี ย่อมส่งผลกระทบถึงอาหารของช้าง ที่ได้บริโภคน้อยลงเพราะราคาอาหารสูงขึ้น ทาง บมจ.วิริยะประกันภัย จึงเล็งเห็นความสำคัญในจุดนี้ จึงได้ร่วมโครงการกับ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อพัฒนาพื้นที่การปลูกอาหารช้างประเภทหญ้าเนเปียร์ ในใช้ต้นทุนน้อยลง ทำให้มีราคาถูกที่ปางช้างสามารถซื้อได้จำนวนมากเพื่อเลี้ยงช้าง และส่งเสริมสุขภาพของช้างให้แข็งแรง

    ด้าน อ.สพ.ญ.ดร.ภัคนุช บันสิทธิ์ อาจารย์​ประจำ​คณะสัตวแพทยศาสตร์​ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่​ กล่าวว่า ช่วงก่อนหน้านี้สถานการณ์ของอาหารช้าง ถือว่ามีควมขาดแคลน เนื่องจากปางช้างไม่มีรายได้ แต่หลังจากเริ่มมีโครงการมาประมาณ 8 เดือน เริ่มมีหญ้าเนเปียร์ซึ่งเป็นอาหารหลักของช้างเพิ่มมากขึ้นและราคาไม่แพง ทำให้ปางช้างสามารถซื้อได้ในราคาถูก ซึ่งทางทีมคณะสัตวแพทยศาสตร์ ได้มาร่วมกันให้ความรู้ในการปลูกแก่เกษตรกรในพื้นที่ ปัจจุบันมีเกษตรกร​หลายรายมีพื้นที่รวมกว่า 100 ไร่ ต่อจากนี้จะมีการ​มาส่งเสริมเรื่องความรู้ และวิธี​การปลูก เอานักวิชาการ​ มาแลกเปลี่ยน​ความรู้​ เพื่อช่วยลดต้นทุนให้กับเกษตรกร เพื่อความยั่งยืนในอนาคตต่อไป และให้มีหญ้าพันธุ์ที่ดีในการเลี้ยงช้าง เพื่อให้ช้างมีความแข็งแรง พร้อมทั้งมีสุขภาพดี เพื่อรอต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งหลังจากการเปิดประเทศท่องเที่ยว

ข่าว/ภาพ โดย เกรียงไกร รัตนา ศูนย์ข่าวเนชั่นภาคเหนือ