อัจฉริยะ ยื่นดีเอสไอ เอาผิด แซน ร่วมกันฆาตกรรมอำพราง "แตงโม นิดา"

ยังคงเดินหน้าค้นหาความจริงอีกด้วย สำหรับคดีการเสียชีวิตของดาราสาว แตงโม นิดา แม้ทางพนักงานสอบสวนจะมีการแถลงสรุปคดีและส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาส่งฟ้องผู้ต้องหาไปแล้ว แต่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยังคงเชื่อว่า คดีการเสียชีวิตของ แตงโม นั้นเป็นการฆาตรกรรมไม่ใช่อุบัติเหตุตามที่ตำรวจได้มีการสรุปสำนวน 

 

ล่าสุดวันนี้ (29 เม.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กระทรวงยุติธรรม นายอัจฉริยะ ได้ยื่นหนังสือถึง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และนายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อให้ดำเนินคดีกับ "แซน วิศาพัช  มโนมัยรัตน์" กับพวก ในคดีการเสียชีวิตของ "แตงโม นิดา" โดยมี ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน รองอธิบดีดีเอสไอ เป็นผู้รับเรื่องกล่าวโทษ

 

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ที่เดินทางมาในวันนี้เพื่อยื่นหนังสือให้กระทรวงยุติธรรม โดย ดีเอสไอดำเนินคดีกับ "แซน วิศาพัช มโนมัยรัตน์" กับพวกในข้อหาร่วมกันฆาตกรรมอำพราง "แตงโม นิดา" โดยขอให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ สืบเนื่องจากในการสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ซึ่งตนมีหลักฐานว่า ในคดีนี้มีผู้ทำให้ "แตงโม นิดา" เสียชีวิต 

 

 

แต่ทางการสอบสวนของตำรวจระบุว่า การเสียชีวิตของ แตงโม นิดา เกิดจากความประมาท ซึ่งตนมีหลักฐานใหม่โดยมีผู้เชี่ยวชาญสามารถยืนยันได้ว่า ในสิ่งที่ แซน พูดมาโดยตลอดว่า แตงโม ตกจากท้ายเรือ แต่ไม่ปรากฏพยานหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า ขณะเกิดเหตุนั้น แตงโม ตกจากท้ายเรือจริงหรือไม่ แม้กระทั่งดีเอ็นเอหรือผลตรวจจากนิติวิทยาศาสตร์   

 

ตนตั้งข้อสังเกตุว่า ทำไมตำรวจไม่ตรวจสอบทรายที่อยู่ในมือ แตงโม อันนี้จะเป็นหลักฐานใหม่ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ไม่เคยให้ความใส่ใจ แม้กระทั่งทรายที่อยู่ในรองเท้าของคนบนเรือ ทรายที่อยู่ในร่างกายของ แตงโม และหลักฐานที่ชี้ได้มากที่สุดก็คือบาดแผลที่อยู่ที่ขาข้างขวา มันเป็นบาดแผลที่เกิดจากของมีคมไม่ใช่ใบพัดเรือ

 

 

 

ด้าน ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต กล่าวว่า การมายื่นหนังสือของนายอัจฉริยะ ที่ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการในส่วนของคดีแตงโม ซึ่งเป็นคดีที่น่าสนใจและเป็นคดีใหม่ในสังคม โดยนายอัจฉริยะ มองว่าเป็นคดีฆาตกรรม ไม่ใช่อุบัติเหตุ ซึ่งทางดีเอสไอ ได้มีการติดตามในคดีนี้มาโดยตลอด แต่เป็นการทำงานคู่ขนานกับชุดสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 ในส่วนนี้จะมอบหมายให้ พ.ต.ท.พะเยา ทองเสน รองอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะทำงานด้านการสืบสวนคดีของแตงโม

 

อย่างไรก็ตามการสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ ตำรวจเองได้มีการดำเนินการในคดีดังกล่าว และยื่นต่อพนักงานอัยการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คดีนี้มีอายุความ 20 ปี หากพบว่า มีประเด็นการเสียชีวิตเป็นไปตามที่ผู้ร้องยื่นหนังสือไว้ ทางดีเอสไอก็สามารถรวบรวมพยานหลักฐานอื่น ๆ นำพิจารณาขอเป็นคดีพิเศษได้

 

ว่าที่ ร้อยตรีธนกฤต กล่าวต่อว่า วันนี้ในเบื้องต้นต้องมีผู้กระทำความผิดทำให้เกิดการตายเกิดขึ้น ประการที่สองอะไรที่ทำให้เป็นสาเหตุการตาย ดังนั้นหลักฐานที่นายอัจฉริยะนำมาให้นั้นต้องมั่นใจว่าเป็นไปตามองค์ประกอบความผิด การที่ยื่นเรื่องเปลี่ยนแปลงความผิดจากคดีประมาตรเป็นมาตกรรม และนายอัจฉริยะก็ต้องรับผิดชอบในทุก ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ โดยจะให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษกำหนดแนวทางการสืบสวนสอบสวน พยานบุคคล พยานเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ในการตรวจพิสูจน์และลงพื้นที่เพื่อคลี่คลายความสงสัยให้กับสังคมต่อไป

 

กระทรวงยุติธรรมทำงานอย่างตรงไปตรงมา ใครมาเกี่ยวข้องกับคดีทำให้เกิดความเท็จ ก็ต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา หาก นายอัจฉริยะ ให้หลักฐานมาไม่ใช่ฆาตกรรม ก็ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าเป็นการฆาตกรรมจริง ก็จะไม่ปล่อยอย่างแน่นอน

 

ส่วนประเด็นการพิสูจน์บาดแผลที่เกิดขึ้นบนร่างพบมีแผล 22 จุด หรือ 26 จุด ตนได้สั่งให้นับ และวัดขนาดทุกแผล แผลไหนที่เป็นรอยช้ำ ก็ต้องผ่าว่าเกิดก่อนหรือหลังเสียชีวิต โดยหมอจากสถาบันนิติเวช ยืนยันบาดแผลมา 22 จุดจริง แต่ตำรวจบอก 26 จุด ตนไม่สามารถยืนยันได้ว่านับจากจุดหรือตำแหน่งไหน แต่ตนยืนยันจาก สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ 22 บาดแผล มีอยู่จริง ไม่ทราบว่ามีใครไปขอดูร่างรอบที่ 3 หรือไม่ ถึงได้บอกว่ามี 26 จุด

 

 

 

 

ด้าน พ.ต.ท.พะเยา กล่าวว่า จากเดิมที่ได้มีกลุ่มบุคคลเข้ายื่นคำร้องให้คดีของ แตงโม เป็นคดีพิเศษ ดีเอสไอได้รับเป็นเรื่องสืบสวนเพื่อไปแสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐานควบคู่กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ขณะนี้การสอบเสร็จสิ้นไปแล้วโดยลักษณะอาจจะไม่ได้เป็นคดีพิเศษได้อีก ครับการที่นายอัจฉริยะได้มายื่นเรื่องใหม่ในประเด็นใหม่ โดยเป็นการกล่าวหาว่า เป็นการฆาตกรรม ทางดีเอสไอจะทำการสืบสวนสอบสวนต่อได้ว่า มีมูลมากน้อยแค่ไหน

 

หลังจากนี้จะนำเรื่องที่นายอัจฉริยะยื่นมาศึกษา และกำหนดประเด็นว่า มีประเด็นอะไรบ้างมีพยานหลักฐานที่อ้างอิงได้ ก่อนจะนัดมาสอบปากคำอย่างเป็นทางการ จากนั้นจะทำการสอบสวนตามประเด็นที่กำหนดในหนังสือร้องเรียนต่อไป