"ธรรมนัส" มาเอง รับดูเคสยายขายหวย 80 ถูกทหารไล่ที่ ส่งทีมงานเข้าช่วยเหลือ

กลายเป็นประเด็นร้อนในโซเชียลทันที กรณีที่วานนี้ (27 เม.ย.) มีนางยุรี อร่ามแสง อายุ 71 ปี อาชีพขายลอตเตอรี่ เข้าร้องสื่อว่า ถูกจ่าทหารที่มีแผงขายลอตเตอรี่เหมือนกันขับไล่ เหตุเพราะขายถูกกว่าคือ ขายตามราคาที่กฎหมายกำหนด 80 บาท เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมและปลอดภัย เหตุเกิดที่บริเวณใกล้ร้านสะดวกซื้อด้านหลังกองบัญชาการกองทัพบก เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา (อ่านข่าว)

 

ล่าสุดวันนี้ (28 เม.ย.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แกนนำพรรคเศรษฐกิจไทย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ธรรมนัส พรหมเผ่า ระบุว่า ตอนนี้ผมได้ทราบข่าวคุณยายวัย 71 ขาย สลาก 80 บาท ถูกเจ้าหน้าที่ด่าและไล่ให้ไปขายที่อื่นเนื่องจากขายถูกกว่าตนเอง ตอนนี้ผมจึงได้ส่งทีมงานไปหาคุณยายให้ความช่วยเหลือทุกด้าน และประสานงานเจ้าหน้าดูแลเรื่องความปลอดภัยให้คุณยายครับ
 

 

จากการลงพื้นที่เกิดเหตุของผู้สื่อข่าวพบว่า วันนี้บริเวณที่เกิดเหตุไม่พบแผงลอตเตอรี่ของนายทหารรายดังกล่าว และยังพบมีทหารบางส่วนลงพื้นที่สังเกตการณ์แต่ปฏิเสธให้ข้อมูลสื่อ รวมถึงพบนางยุรีนั่งขายลอตเตอรี่ สอบถามทราบว่า ก่อนหน้าที่นางยุรีจะขายลอตเตอรี่ เคยขายไก่ทอดบริเวณนี้มานานกว่า 20 ปี รู้จักกับทหารยศ จ.ส.อ. นายดังกล่าวเป็นอย่างดี 

 

ต่อมาเมื่อเศรษฐกิจเริ่มไม่ดี ลูกชายได้โควตาลอตเตอรี่มาขาย ตนจึงแบ่งมาแอบขายให้แก่ลูกค้า จนกระทั่งได้โควตาเอง 1 เล่ม จึงมาตั้งแผงเล็ก ๆ ห่างจากแผงของ จ.ส.อ. ประมาณ 10 เมตร หลังจากนั้น ทหารนายนี้ก็เริ่มมีพฤติกรรมเข้ามาด่า ต่อว่า หาว่าตนขายราคาถูกตัดหน้า เพราะขายราคา 80 บาท ตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนนายทหารรายดังกล่าวขายในราคา 100 บาท  

 

จนกระทั่งวันเกิดเหตุก็มาขายลอตเตอรี่ตามปกติกับหลานชาย เมื่อทหารนายนี้ขับรถออกมาจากซอยพร้อมภรรยา หลานได้เข้าไปพูดคุยจนมีปากเสียงทะเลาะลงไม้ลงมือ ตนเองก็โดนบีบแขนจนเป็นรอยเขียวช้ำ หลังจากนั้นก็แยกย้ายกัน ฝ่ายคู่กรณีมีการไปแจ้งความเอาผิด ส่วนหลานชายตนก็เข้าไปแจ้งความเช่นเดียวกัน ไม่เข้าใจว่า คนเคยเห็นหน้าค่าตากันทำไมถึงทำกันขนาดนี้ ตนเองได้รับโควตามาก็ต้องขายในราคาที่รัฐกำหนด หากขายเกิดราคากลัวว่าจะถูกจับเช่นเดียวกัน
 

 

จากนั้น นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ ประธานกลุ่มพรรคพวกกัน เผยว่า ได้รับคำสั่งจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ให้เข้าช่วยเหลือคุณยายขายลอตเตอรี่วัย 71 ปี จึงได้พานางยุรี พร้อมลูกชายและหลาน เข้าติดตามความคืบหน้าคดีที่ สน.นางเลิ้ง

 

นายอมรรัตน์ ลูกชายของนางยุรี เปิดเผยว่า แม่ขายลอตเตอรี่มานานมากแล้ว แต่ไม่ได้ขายแบบตั้งแผง เวลาลูกค้าต้องการเลขอะไรก็มาบอกแม่ แม่ก็จะช่วยหาเลขที่ต้องการไปให้ และบางครั้งแม่ก็แบ่งลอตเตอรี่ของตนไปขายบ้าง จนกระทั่งเมื่อแม่ได้โควตาลอตเตอรี่จากกองสลาก 1 เล่ม จึงตั้งแผงเล็ก ๆ ขายเอง ในราคา 80 บาท ทำให้เกิดความไม่พอใจกัน มีการพูดจาเหน็บแนมแม่ตนเป็นประจำ  

 

ก่อนเกิดเหตุ ทหารนายนี้มาต่อว่าแม่ของตนที่หน้าร้าน และไล่ให้แม่ไปขายที่อื่น หลังจากกลับไปบ้าน แม่จึงเล่าให้ฟังทำให้รู้สึกไม่พอใจมากๆ เพราะคู่กรณีไม่ใช่เจ้าของที่ มีสิทธิ์อะไรมาไล่แม่ตนไม่ให้ขาย และอีกอย่างเราขายในราคาที่กฎหมายกำหนด คู่กรณีขายเกินราคาด้วยซ้ำมีสิทธิ์อะไรมาไล่ไม่ให้ขายในบริเวณดังกล่าว 

 

"ถามว่ากลัวไหมที่คู่กรณีเป็นทหาร ตอบตรงๆ กว่ากลัวเรื่องความปลอดภัย แต่กังวลที่จะไม่ได้รับความเป็นธรรมมากกว่า"

 

 

 

ทางด้าน นายปิยาภรณ์ อร่ามแสง หลานชายนางยุรี และเป็นผู้เสียหาย เดินทางมาด้วยสภาพที่แขนข้างซ้ายเข้าเฝือก เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุยอมรับว่าเดินไปหาคู่กรณีก่อนจริง โดยไปถามว่า มาไล่ และด่าย่าตนทำไม คู่กรณีตอบกลับมาว่า แล้วมึงจะทำไม จากนั้นคู่กรณีก็เตรียมถอดเสื้อเครื่องแบบออกและง้างหมัดจะต่อย ตนจึงสวนหมัดใส่คู่กรณี ก่อนที่จะเกิดเหตุชุลมุน โดยมีภรรยาคู่กรณีรุมทำร้ายใช้หมวกกันน็อกฟาดที่แขนและมือ 2 ครั้ง ทำให้กระดูกนิ้วก้อยซ้ายแตก  ยืนยันได้ว่าไม่มีการรุมทำร้ายคู่กรณีแต่อย่างใด

 

ในขณะที่ นายกัณฐัศว์  เปิดเผยว่า สำหรับคดีนี้คู่กรณีเป็นถึงเจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนผู้เสียหายเป็นชาวบ้านทั่วไป เกรงว่าอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเข้ามาเป็นตัวกลางในการติดตามความคืบหน้าของคดี โดยส่วนตัวมองว่า คู่กรณีเป็นถึงนายทหารจะมาอ้างไม่ได้ว่าไม่รู้กฎหมายห้ามขายเกินราคา ในส่วนนี้ถ้าตรวจสอบข้อเท็จจริงพบความผิด ต้นสังกัดเองก็ควรจะมีบทลงโทษเช่นเดียวกัน

 

 

 

 

ทางด้าน พ.ต.อ.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ ผกก.สน.นางเลิ้ง เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุทหารนายนี้ได้เข้ามาแจ้งความเอาผิดจริงในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย และได้มีการเรียกนายปิยาภรณ์ เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาและส่งฟ้องศาลไปแล้ว ส่วนคดีที่นายปิยาภรณ์ถูกทำร้ายร่างกายนั้น ได้มีการแจ้งความไว้ที่ สน.ชนะสงคราม ซึ่งในพื้นที่เป็นพื้นที่คาบเกี่ยว 2 สน. จึงอาจะทำให้เกิดความสับสน

 

ทั้งนี้ สน.นางเลิ้ง ได้ประสานกับ สน.ชนะสงคราม และรับแจ้งความในคดีของนายปิยาภรณ์เรียบร้อยแล้ว โดยข้อหาที่จะแจ้ง “ร่วมกันทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส””
ส่วนกรณีผู้เสียหายกังวลเรื่องความปลอดภัย โดยพื้นที่ที่่ผู้เสียหายขายของเป็นพื้นที่ของ สน.ชนะสงคราม ซึ่งถ้าหากทางผู้เสียหายยื่นคำร้องขอรับรองความปลอดภัย จะมีการประสานไปยัง สน.ชนะสงคราม เพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือต่อไป 

 

 

 

 

ขณะที่ความเคลื่อนไหวจากทางกองทัพบก พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ระบุว่า กรณีนี้กองทัพบกได้ตรวจสอบแล้วพบว่า ทหารคนดังกล่าวเป็นทหารชั้นประทวน สังกัดกรมกำลังพลทหารบก ขณะนี้ต้นสังกัดได้เรียกเจ้าตัวมาให้ข้อมูล และตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว เบื้องต้นแม้จะเป็นเหตุทะเลาะวิวาทระหว่างบุคคล แต่เมื่อมีการร้องเรียนว่ามีการใช้วิธีแก้ปัญหาแบบเกินกว่าเหตุและไม่เหมาะสม ทางต้นสังกัดจะได้พิจารณาลงโทษตามวินัยทหารตามพฤติกรรมที่ปรากฏต่อไป

 

ส่วนการแจ้งดำเนินคดีก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละฝ่าย ทั้งนี้กองทัพบกขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุที่ได้รับผลกระทบทางจิตใจ และได้มีการเชิญผู้ร้องเรียนมาพูดคุย รับทราบความวิตกกังวล พร้อมให้การช่วยเหลือคลี่คลายตามสมควรต่อไป