มิจฉาชีพหลอกเด็กหญิงวัย 13 ถ่ายภาพอนาจารแลกเงิน 2.5 หมื่นบาท
เด็กหญิงวัย 13 ปี ถูกมิจฉาชีพหลอกถ่ายภาพอนาจารแลกเงิน 2.5 หมื่น ก่อนเสียรู้ส่งภาพไปให้ มิหนำซ้ำยังถูกหลอกให้โอนเงินอีก 700 บาท อ้างเป็นค่าภาษี หากไม่ทำตามจะโพสต์ภาพประจาน
26 เมษายน 2565 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจาก ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี ชาวจ.อุดรธานีพร้อมเพื่อนเด็กหญิงอีก 2 คน ว่าถูกมิจฉาชีพในเฟซบุ๊คเข้ามาติดต่อพูดจาหว่านล้อมให้ถ่ายภาพอนาจารแลกกับค่าจ้างเป็นเงิน 25,000 บาท ด้วยความที่อยากได้เงินจึงหลงเชื่อถ่ายรูปส่งไปให้ หลังรู้ตัวกลัวความผิดจึงขอยกเลิก แต่สุดท้ายมิจฉาชีพแจ้งกลับมาว่าจะต้องจ่ายเงินเสียภาษีก่อน หลงเชื่อโอนเงินไปหลายครั้งเป็นจำนวน 700 บาท และมีการข่มขู่ว่าหากไม่ยอมจ่ายจะนำภาพที่ถ่ายไปโพสต์ในเฟสบุ๊ค ทำให้ ด.ญ.เอ กลัวจึงได้โอนเงินไปให้ โดยยืมจากเพื่อนและยังไม่ได้บอกให้พ่อแม่รู้ ก่อนร้องเรียนผู้สื่อข่าวให้ช่วยเหลือ
ด.ญ.เอ เปิดเผยว่า มีคนใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า “สุนิสา โจมปัญญา” ทักผ่านทางอินบ๊อค บอกว่าสนใจทำงานหรือไม่ เป็นงานถ่ายรูปโป๊เปลือยก็ตอบกลับไปหนูอายุยังไม่ถึง 18 ปีเลย เขาตอบกลับมาว่าอายุ 10 ปีก็ทำได้แล้ว เมื่อวานก็มีถ่ายส่งมา มีค่าตอบแทนให้ถึง 25,000 บาท ต่อมาวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมาจึงตัดสินใจถ่ายรูปโป๊เปลือยไปให้เขา เพราะอยากได้เงิน โดยส่งรูปไปให้รูปเดียวก่อน ด้วยความกลัวจังตอบแชทกลับไปว่า ตัดสินใจจะไม่ทำขอเลิกถ่าย มิจฉาชีพตอบกลับมาว่า เลิกถ่ายไม่ได้ ไม่งั้นจะเอาไปประจานในโซเซียล หลังจากวันที่ 22 เมษายน ก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย ด้วยความกังวลไม่มีทางออก จึงปรึกษาเพื่อน และชวนกันมาร้องเรียน
“ต้องจำใจถ่ายรูปไปให้เขาอีกรวม 8 รูป และมีคลิปที่วีดีโอคอลกับเขาด้วย ซึ่งเขาอ้างว่าจะให้ผู้ชายเข้ามาวีดีโอคอลก่อนในตอนแรก ตนก็หลงเชื่ออีก ต่อมาเขาตอบมาอีกว่า ก่อนจะได้เงิน 25,000 บาท ต้องจ่ายค่าภาษีมาก่อน เป็นเงินประมาณ 700 บาท พร้อมบอกหมายเลขบัญชีธนาคารมา ด้วยความกลัวว่าเขาจะเอารูปโป๊ของไปประจาน จึงขอไปยืมเงินเพื่อนสนิทโอนไปให้ แต่เป็นการโอนทรูมันนี่วอลเลท โอนทั้งหมด 4 ครั้ง ตอนนี้กลัวมาก คิดอยากจะฆ่าตัวตาย อยากจะไปกระโดดน้ำ เพื่อนก็ห้ามเอาไว้ และหนูกลัวพ่อแม่รู้ด้วย หนูอยากให้ตำรวจช่วยจับเขา กลัวเขาไปหลอกคนอื่น”ด.ญ.เอ กล่าว
จากการพูดคุย ด.ญ.เอ มีปัญหาด้านการเงินมีพฤติกรรมเล่นการพนันออนไลน์ (บาคาร่า) จนเป็นเหตุให้ต้องคิดหาเงินทางลัดด้วยวิธีนี้ ตอนแรกมิจฉาชีพส่งข้อมูลมาว่าให้โอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทยมีหมายเลขบัญชีชัดเจน แต่ ด.ญ.เอ ตัดสินใจโอนเงินผ่านระบบทรูมันนี่วอลเลทแทน ซึ่งก็เป็นหลักฐานทั้งชื่อและเบอร์โทรศัพท์ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านดุง ได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้ว และได้ประสาน สนง.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.อุดรธานี เข้ามาดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประสานไปยังผู้ปกครองของเด็กหญิงรายนี้ และคาดว่าจะมีการเข้าแจ้งความเอาผิดต่อมิจฉาชีพรายนี้
ต่อมาเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัว จังหวัดอุดรธานี สังกัดกรมกิจการและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ไปพบด.ญ. อายุ13ปี เพื่อพูดคุยกับผู้เสียหาย เนื่องจากพ่อกับแม่ยังไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องแจ้งให้ผู้ปกครองให้รับทราบเรื่องนี้ เพราะตัวน้องอายุไม่ถึง18ปี ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก
ขณะที่ พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ได้พยายามสอบถามพูดคุยเพื่อหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในงานสืบสวนสอบสวน ตรวจสอบการสนทนาระหว่างเด็กและมิจฉาชีพ เรื่องการล่อหลวงแบบนี้เกิดในโซเชียลมีเดียโ มีข้อน่ากังกลว่าเหยื่อนั้นอายุน้อยลง ทั้งยังเข้าไปถึงเหยื่อและกดดันเหยื่อได้ ทำให้เหยื่อไม่มีสติหวั่นไหวไปกับกลโกง ในส่วนของการดำเนินคดี เบื้องต้นได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เริ่มมีการคัดแยกเหยื่อ และให้เหยื่อนั้นไปพบกับนักสังคมสงเคราะห์ และเข้าสู่กระบวนการสอบสวน
พร้อมฝากถึงผู้ปกครองและเด็กเยาวชน ในกรณีการเข้าไปเล่นโซเชียลมีเดีย ให้พึงระวังว่ามีมิจฉาชีพแฝงตัวอยู่ในระบบ การหลอกลวงให้ถ่ายภาพในลักษณะนี้แล้วอ้างค่าตอบแทนเป็นเงินจำนวนมาก จากนั้นมิจฉาชีพก็จะนำภาพเหล่านี้ไปหาประโยชน์เชิงพาณิชย์ ที่สุดแล้วพเราตกเป็นเหยื่อ ก็จะกลับมาในเรื่องของการข่มขู่ ต้องใช้ดุลยพินิจ ใช้ความระมัดระวัง ต้องใช้วิจารณญาณที่ดี ผู้ปกครองที่ใกล้ชิดเด็ก จะต้องให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ ให้แง่คิดที่ดีต่อลูกหลานของเรา ไม่ให้หลงเชื่อแก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้ หากมีความคืบหน้าจะรีบแจ้งให้ทราบ
ข่าว/ภาพ-เศกสันติ กัลป์ยาณวิสุทธิ์ อุดรธานี
