“ฮาร์ท สุทธิพงศ์” ฝืนยิ้มขึ้นโรงพักนางเลิ้ง รายงานตัว ม.112

จากกรณีนายสุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล (ฮาร์ท สุทธิพงศ์) อดีตพิธีกรและนักร้องชื่อดัง  แชร์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 10 กระทั่ง  นายอภิวัฒน์ ​ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐ​มนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ​เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.นางเลิ้ง เพื่อดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 และพ.ร.บ.ว่าด้วยกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 

 

วันที่ 26 เมษายน 2565 เวล 11.00 น.  นายสุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล หรือ “ฮาร์ท สุทธิพงศ์” อดีตพิธีกรและนักร้องชื่อดัง พร้อมนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สำเนียง โสธร รองผกก.(สอบสวน)​สน.นางเลิ้ง เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา พร้อมกล่าวด้วย สีหน้ายิ้มแย้ม ว่า ความรู้สึกในวันนี้จะว่า ไม่เครียดก็จะแปลก แต่สิ่งที่เครียดและเป็นกังวล คือทางคุณแม่และคนสนิทที่อายุมาก เป็นห่วงที่เราถูกตั้งข้อหาและอาจถูกจับกุม ซึ่งบุคคลเหล่านี้อายุมากแล้ว จึงทำให้ตนรู้สึกเครียดและเป็นกังวล 

 

ส่วนเรื่องคดีนั้นตนไม่ได้คิดอะไรแล้ว เพราะเวลานี้การดำเนินคดีมันเกิดขึ้นแล้ว มันเกินที่ตัวเราจะควบคุมหรือทำอะไรได้แล้ว มันขึ้นอยู่กับกระบวนการว่าจะสืบหาความจริง ว่าผมผิดจริงตามข้อกล่าวหาหรือไม่

 

"ฮาร์ท สุทธิพงศ์"  ยังกล่าววิพากย์วิจารณ์​การทำงานของผู้มีอำนาจในรัฐบาล คนที่บริหารบ้านเมือง อะไรที่คิดว่าไม่เข้าท่าไม่ดี ก็คงจะวิจารณ์​ต่อไป แต่ก็จะต้องมีการระมัดระวังมากขึ้น เพราะตนเชื่อว่า การวิจารณ์​ด้วยการพูดความจริงนั้น เป็นการกระทำของคนที่รักและเป็นห่วงจริงๆ ถ้าการกระทำใดเป็นการกระทำที่ผิด แต่คนที่รัก ไม่วิพากษ์วิจารณ์​กันนั่น จะยิ่งทำให้เหลิงและหลงในสิ่งที่ทำ 

 

ทั้งนี้ ตนคิดว่าการดำเนินคดีกับตนนั้น ถ้ามองในมุมกลับก็คงเป็นการปรามไม่ให้เกิดการกระทำในลักษณะเดียวกันขึ้นมาอีก ซึ่งการถูกดำเนินคดี​ของตนนั้น ทำให้ตนสูญเสียโอกาสสูญเสียงานไปพอสมควร รวมไปถึงเพื่อนสนิทอย่างคุณเบิร์ด ด้วย เพราะเวลาที่ลูกค้าจะจ้างงานส่วนมากเค้ามักจะจ้างเป็นคู่ แต่เบิร์ดก็ยังคงให้กำลังใจตนเสมอ

 

ด้านนายกฤษฎางค์ ทนายความ กล่าวถึงการเดินทางของ  ฮาร์ท สุทธิพงศ์"  ในวันนี้ ก็เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา จากกรณีที่แชร์ข่าวสารของทางเพจรอยัล​เวิลด์​ เกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 10 ซึ่งมีเนื้อหาเหมือนการนำเสนอข่าวสารทั่วไป เหมือนเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ​ ซึ่งในวันนี้ก็ได้ทราบว่าเรื่องอะไร หลังจากนี้ ก็จะมีการนัดหมายภายใน 30 วัน เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ถ้าผิดจริงทางพนักงานสอบสวนก็จะเสนอให้อัยการสั่งฟ้องต่อไป