svasdssvasds
logo-pwa

เพิ่ม nation online

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด
เนชั่นทีวี

สังคม

"อนุทิน"จับตาตัวเลขติดเชื้อหลังสงกรานต์ จ่อเสนอศบค.ผ่อนคลายมาตรการเพิ่ม

18 เมษายน 2565
625

"อนุทิน" จับตาตัวเลขติดเชื้อโควิดหลังสงกรานต์ เตรียมเสนอที่ประชุมศบค. ผ่อนคลายมาตรการเพิ่ม ระบุ ยังวางใจไม่ได้ ขอรอประเมินสองสัปดาห์ ยืนยัน ยาฟาวิพิราเวียร์มีเพียงพอเน้นดูแลกลุ่ม 608 เป็นพิเศษ

18 เมษายน 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงมาตรการรับมือสถานการณ์โควิด-19 หลังเทศกาลสงกรานต์ จะเน้นไปที่การเตรียมพร้อมเวชภัณฑ์ ทางการแพทย์และสถานพยาบาล ให้มีความพร้อมเต็มที่และเน้นไปที่การดูแลผู้ป่วยที่มี อาการโดยเฉพาะกลุ่ม 608 ส่วนผู้ที่ไม่มีอาการจะเน้นดูแลแบบรักษาที่บ้าน หรือโฮมไอโซเรชั่น ส่วนผู้ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการเลยไม่จำเป็นต้องรับยา พร้อมยืนยันว่าขณะนี้ยาฟาวิพิราเวียร์มีเพียงพอ พร้อมย้ำว่าเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวล เพราะต้องรักษาตามอาการ ตามความรุนแรงของโรค และต้องมีการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์

 

ทั้งนี้นายอนุทิน ระบุว่าคณะแพทย์ที่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุขได้มีการเสนอให้ผ่อนคลายมาตรการป้องกัน โควิด-19 ไม่ให้เข้มงวดมากจนเกินไป แต่จะต้องมีการเสนอผ่านคณะกรรมการก่อน

 

ส่วนเหตุการณ์นักท่องเที่ยวเล่นน้ำสงกรานต์ที่ถนนข้าวสาร และในพื้นที่อื่นๆโดยไม่สวมหน้ากากอนามัยและไม่เว้นระยะห่างนั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า กระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลได้มีการเตือนไปแล้ว แต่ละจังหวัดต้องมีความรับผิดชอบ 

"อนุทิน"จับตาตัวเลขติดเชื้อหลังสงกรานต์ จ่อเสนอศบค.ผ่อนคลายมาตรการเพิ่ม

 

ทั้งนี้มาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขจะมีการเสนอให้ที่ประชุม ศบค. ผ่อนคลาย จะมุ่งเน้นไปที่การทำให้ประเทศเดินหน้าในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจการทำมาหากินและอำนวยความสะดวกให้ประชาชน แต่ต้องไม่กระทบเสี่ยงให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

 

ส่วนกรณีที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยไม่จำเป็นต้องตรวจ Rt-Pcr นั้น ส่วนตัวกังวลว่าประชาชนจะตื่นตระหนกต่อความปลอดภัยจึงอยากให้ผ่านช่วงเทศกาลสงกรานต์ไปก่อน แต่ก็เป็นสิ่งที่จะต้องทำในวันนึง ถ้าผ่านไปแล้วไม่มีอะไรที่เกินขีดความสามารถ ก็จะหามาตรการผ่อนคลายให้มากยิ่งขึ้น เพราะอยากให้ทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

 

"อนุทิน"จับตาตัวเลขติดเชื้อหลังสงกรานต์ จ่อเสนอศบค.ผ่อนคลายมาตรการเพิ่ม

ขณะที่แผนการประกาศ โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ในวันที่ 1 กรกฎาคมนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ตัวเลขปัจจุบันยังไม่มีอะไรแตกต่างมากนัก และอัตราส่วนต่างๆยังเป็นไปตามหลักสากล พร้อมย้ำว่าขณะนี้ยังไม่มีการประกาศว่าในวันที่ 1 กรกฎาคม โควิด-19 จะเป็นโรคประจำถิ่นเป็นเพียงแผนที่วางเอาไว้เท่านั้น หาก ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็จะดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งเรื่องนี้ไม่สามารถกะเกณฑ์อะไรได้มาก แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการเตรียมความพร้อม ซึ่งตนไม่ทราบว่าจะประกาศ โควิดเป็นโรคประจำถิ่นพร้อมกันทุกพื้นที่ทั่วประเทศหรือไม่ แต่จะต้องประกาศไปก่อน โดยแต่ละจังหวัดอาจจะมีการกำหนดเกณฑ์ อาทิจำนวนผู้ติดเชื้อ เปอร์เซ็นต์ของผู้ฉีดวัคซีนและเวชภัณฑ์ต่างๆ

 

นอกจากนี้ขอบคุณประชาชน ที่ร่วมมือกันช่วยให้สถิติการเกิดอุบัติเหตุลดลงซึ่งไม่ทำให้เป็นภาระของระบบสาธารณสุข และเป็นเรื่องปกติที่หลังสงกรานต์จะมีจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากมีการสัญจรไปมาและพบปะ และใกล้ชิดกันมาก จึงเป็นความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น แต่ก็เชื่อว่าเมื่อส่วนใหญ่ฉีดวัคซีนแล้ว และเชื้อเป็นสายพันธุ์โอมิครอน ก็ไม่น่าจะมีผลกระทบอะไร จนเกินขีดความสามารถระบบสาธารณสุขจะรองรับได้ ซึ่งก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ทั้งนี้ก็จะต้อง ติดตามสถานการณ์ในช่วงสองสัปดาห์หลังสงกรานต์จึงจะสามารถเบาใจได้