10 เมษายน 2565 พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ได้ไปร่วมงานรำลึกครบรอบ 12 ปี เหตุการณ์สลายการชุมชนคนเสื้อแดง วันที่ 10 เม.ย.53 ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาฯ ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ โดยมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้าน พร้อมด้วยหัวหน้าพรรคและตัวแทนพรรคฝ่ายค้านทุกพรรค ตลอดจนประชาชนคนเสื้อแดงไปร่วมพิธีนำบุญถวายสังฑทาน วางดอกไม้ และปราศรัย เพื่อรำลึกถึงวีรชนที่เสียชีวิตจากการออกมาต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย
ต่อจากนั้น พ.ต.อ.ทวี ได้ร่วมรับฟังเวทีเสวนา “จากพฤษภา 35 ถึงเมษา-พฤษภา 53 วีรชนต้องไม่ตายฟรี” ที่ห้องประชุมอนุสรณ์สถาน 14 ตุลาฯ และได้เชิญขึ้นพูด
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า วันนี้เป็นวันรำลึกวีรชน สิ่งที่วีรชนได้พลีชีวิตก็เพื่อต้องการจะให้มวลชนและสังคมมีเสรีภาพ ให้มีสิทธิมีความเป็นคนเท่ากับคน วันนี้สิ่งที่แย่สุดคือรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมมีน้อยนิดมาก พูดถึงแต่ตำรวจ แต่การปฏิรูปศาล กระบวนการยุติธรรม และทหารไม่มีเลย
ที่สำคัญที่สุดคือความขัดแย้งในสังคมไทย เป็นเพราะว่าความเป็นประชาธิปไตยทำให้คนชนบท คนที่ถูกเหลื่อมล้ำ รู้สึกว่าสามารถเข้าถึงปัจจัยทางทรัพยากรได้ ส่งผลกระทบกับคนบางกลุ่ม ทำให้คนกลุ่มหนึ่งที่ต้องการอำนาจ ตำแหน่ง และผลประโยชน์ ก็มายึดอำนาจ แล้วก็ปล่อยให้คนผิดลอยนวล ซึ่งก็คือการนิรโทษกรรม ซึ่งปกติจะเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญเลย ฉบับนี้ก็เช่นกัน
ดังนั้นเวทีการรำลึกการเสียชีวิตของวีรชนที่พลีชีพเพื่อมวลชนในรุ่นต่างๆ คือบทเรียนของสังคมที่ทำให้เรารู้ว่า วีรชนไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ต้องการเพียงระบบรัฐสภา
“วันนี้ระบบรัฐสภาไม่ได้เป็นสภาของประชาชน ผมคิดว่าเป็นประชาธิปไตยต้องตื่นตัวหมด ตราบใดที่กระบวนการยุติธรรมและทหารยังรับใช้เผด็จการหรือรับใช้การมีอำนาจ คือทำให้คนกลุ่มหนึ่งมีความทุกข์ แต่อีกกลุ่มหนึ่งตีความตามอำเภอใจ มันก็ไม่ใช่กระบวนการยุติธรรมที่ดี และไม่ใช่ระบบนิติธรรม” พ.ต.อ.ทวี กล่าว
เลขาธิการพรรคประชาชาติ บอกด้วยว่า จากข้อเสนอต่างๆ ก็เชื่อว่าผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านทั้งหมดที่มาฟังในเวทีจะนำไปช่วยกันขับเคลื่อน เพราะถ้าวันนี้เรายังปล่อยให้บ้านเมืองเป็นแบบนี้ ประเทศเราจะไปไม่รอด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงท้าย พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง ได้ร่วมรับประทานอาหารและแลกเปลี่ยนความเห็นกับมวลชนและกลุ่มเยาวชนที่สนับสนุนพรรคประชาชาติ โดยได้สนทนาถึงปัญหาความเดือนร้อนของประชาชนในเรื่องต่างๆ และร่วมประเมินทิศทางทางการเมืองก่อนการเลือกตั้งที่จะมาถึง