ทำเนียบขาวประกาศเมื่อวันพุธว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาตการคว่ำบาตรต่อรัสเซียรอบใหม่ที่พุ่งเป้าสถาบันการเงินใหญ่ที่สุดหลายแห่งของรัสเซีย และบุคคลใกล้ชิดกับทำเนียบเครมลิน สืบเนื่องจากการก่ออาชญากรรมสงครามโดยกองทัพรัสเซียภายในยูเครน ซึ่งรวมถึงการสังหารพลเรือนในเมืองบูชา
บุคคลที่ถูกคว่ำบาตรรอบนี้ รวมถึง ลูกสาว 2 คนของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้แก่ มาเรีย โวรอนต์-โซวา นักพันธุศาสตร์และหัวหน้าโครงการวิจัยที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลหลายพันล้านดอลลาร์ และคาเทรินา ติโคโนวา ผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยี ที่มีความร่วมมือด้านธุรกิจกับรัฐบาลและอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ นอกจากนี้ยังมีภรรรยาและลูกสาวของเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียรวมอยู่ด้วย
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่า ทั้งปูติน คนใกล้ชิด และมหาเศรษฐี ซุกซ่อนทรัพย์สินภายใต้ชื่อของสมาชิกในครอบครัว ที่กระจายทรัพย์สินอยู่ในระบบสถาบันการเงินของสหรัฐฯ
ขณะเดียวกันมิคาอิล มิชุสติน นายกรัฐมนตรี และคอนสแตนติน ชุฟเชนโก รัฐมนตรียุติธรรม รวมถึง ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีและอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ก็อยู่ในรายชื่อผู้ถูกคว่ำบาตรล่าสุดด้วย
ส่วนสถาบันการเงินที่ถูกคว่ำบาตรในครั้งนี้มีทั้ง สเบอร์แบงค์ สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซีย และอัลฟา แบงค์ สถาบันการเงินที่ใหญ่อันดับ 4 ในรัสเซีย และสถาบันการเงินของเอกชนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยสหรัฐฯจะอายัดทรัพย์สินของธนาคารดังกล่าวที่มีอยู่ในสหรัฐฯ และห้ามพลเมืองสหรัฐฯ ติดต่อธุรกิจกับธนาคารทั้งสองแห่ง แต่ยกเว้นการทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับพลังงาน เพราะชาติพันธมิตรยุโรปยังต้องพึ่งพาน้ำมันและก๊าซจากรัสเซีย
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ลงนามในประกาศค่ำสั่งห้ามพลเมืองสหรัฐฯ ลงทุนโครงการใหม่ในรัสเซีย ซึ่งรวมถึงการร่วมลงทุน และการควบกิจการ และเขาบอกด้วยว่า ในปีเดียวมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ จะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของรัสเซียในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาหายไปในพริบตา
ผลการวิเคราะห์ของสถาบันการเงินระหว่างประเทศ คาดว่า เศรษฐกิจรัสเซียจะหดตัว 15% หรือมากกว่านี้ในปีนี้ และมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี ที่เติบโตขึ้นในช่วง 15 ปีจะสูญหายไป